ในขณะที่หลาย ๆ คนที่เดินทางบนถนนสายสำคัญ อาทิ ถนนวิภาวดีรังสิต, ถนนบรมราชชนนี, ถนนบางนา-ตราด, ถนนพระราม 2 ไม่ว่าจะขับขี่ยานยนต์ด้วยตัวเอง หรือเป็นผู้โดยสาร หลาย ๆ ท่านอาจจะได้ยินถึงคำว่าเข้าเลนในบ้าง เข้าเลนนอก ซึ่งบางคนที่ไม่รู้สึกคุ้นเคยก็อาจจะสร้างความสับสน และอาจทำให้เกิดหลงทางเสียเวลา หรือเสี่ยงเกิดอุบัติกระทันหันอันมาจากความโลเลในใจ แล้วเลนนอก เลนในนั้นต่างกันอย่างไร เรียกแบบไหนถึงจะถูก วันนี้มีคำตอบ
อ่านข่าวเพิ่มเติม:
- เปิดเลนพิเศษโดยพลการ เสี่ยงติดหนัก เสี่ยงอุบัติเหตุ เสี่ยงผิดกฎหมาย
- รู้ก่อนจอดรถบนทางลาดชัน กับเทคนิคการจอดชั่วคราวที่ช่วยถนอนชิ้นส่วนรถ
- ระบบตัดแต้มใบขับขี่ที่ผู้ใช้รถต้องรู้ ความผิดใดตัดแต้มเท่าไหร่ และวิธีได้คะแนนคืน
คำเรียกเลนนอก – เลนใน
เลนนอก เลนใน ที่หลาย ๆ คนรู้จักกันนั้น เป็นคำที่มักจะสร้างความสับสนอยู่บ่อยครั้ง หรือบางคนก็อาจจะตีความหมายถูก ๆ ผิด ๆ อาทิ บางคนเรียก ‘เลนใน’ ว่าเป็นเลนที่รถวิ่งเร็วที่สุด หรือเลนที่อยู่ด้านขวามือใกล้กับเกาะกลางของถนน ส่วนบางคนกลับเข้าใจว่า ‘เลนใน’ อยู่ติดกับฟุตบาท หรือริมถนนทางด้านซ้ายมือ
ซึ่งคำว่าเลนนอก เลนในนั้น เป็นการเรียกโดยประชาชนทั่วไปที่ตั้งชื่อเรียกกันเอง ไม่ได้เป็นคำที่ใช้ในทางราชการ หรือทางกฎหมายแต่อย่างใด ซึ่งตามลักษณะที่ประชาชนเรียกว่าเลนนอก – เลนใน นั้นในตามคำของทางราชการเขาจะใช้คำว่า ทางหลัก และ ทางขนาน ซึ่งจะส่งผลต่อคำเรียกในทางกฎหมาย และการรายงานสภาพจราจร
ศัพย์ทางการคือทางหลัก – ทางขนาน
สำหรับคำเรียกทางหลัก และทางขนานในทางราชการ จะมีความหมายดังนี้
ทางหลัก (Main Road) คือช่องทางรถเร็วทางด้านขวาที่ติดเกาะกลางถนน โดยจะเป็นทางที่ใช้หรับการขับรถวิ่งในระยะไกลจนกว่าจะออกถนนสายสำคัญ จนถึงการข้ามจังหวัด
ทางขนาน (Fronttage Road) คือช่องทางที่ติดกับริมทางด้านซ้าย หรือเลนช้า จะเป็นช่องเดินรถที่ผู้ขับขี่จะเตรียมเลี้ยวซ้ายไปอีกเส้นทาง เลนที่ติดฟุตบาทหรือไหล่ทาง หรือเป็นช่องทางสำหรับรถประจำทาง ในบางครั้งก็จะเรียกทางรองด้วย
ไม่ว่าจะเรียกว่าเลนนอก หรือเลนใน หรือทางหลัก และทางขนาน แม้ว่าจะเป็นคำศัพท์ที่สร้างความสับสนเมื่อเดินทางจริง ๆ ดังนั้น เทคนิคการจดจำเส้นทางเพื่อป้องกันความเข้าใจผิดกันทั้งสองฝ่าย ลองหันมาเรียกให้ยาวขึ้น และชัดเจน เช่น
- เรียก “ทางขนาน” ว่าเป็นทางรถช้า หรือทางที่ติดกับฟุตบาท หรือช่องทางซ้ายมือ
- ส่วน “ทางหลัก” ให้เรียกว่าช่องทางรถเร็ว หรือช่องทางขวามือใกล้เกาะกลางถนน
หากเข้าใจอย่างถ่องแท้ และหมั่นสังเกตุป้ายบอกทางต่าง ๆ ก็จะช่วยให้คุณไม่ต้องจำสับสนในระหว่างเดินทาง ช่วยทำความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ประกันเมื่อเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงการติดตามข้อมูลจราจรก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
