คัดลอก URL แล้ว
ญี่ปุ่น เผชิญโควิด-19 ระลอกใหม่ กังวลยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น

ญี่ปุ่น เผชิญโควิด-19 ระลอกใหม่ กังวลยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น

KEY :

สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ยังคงมีอยู่ในขณะนี้ และกำลังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในหลายประเทศ ซึ่งญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในประเทศที่พบการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลให้มียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นด้วย

โดยนับตั้งแต่ในช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ญี่ปุ่น – เกาหลีใต้เป็นช่วงที่มีรายงานการพบผู้ป่วยรายใหม่ต่ำที่สุด และเมื่อสภาพอากาศเริ่มเย็นลง ทำให้แนวโน้มการพบผู้ป่วยโควิด-19 เริ่มกลับมาเพิ่มสูงขึ้นในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2565

กระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นรายงานยอดผู้ป่วยรายใหม่ กลับมาเพิ่มสูงขึ้น โดยยอดรวมผู้ป่วยรายใหม่ของญี่ปุ่นในวันที่ 17 พ.ย. 2565 อยู่ที่ 93,005 ราย และมีผู้เสียชีวิต 133 ราย โดยเมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา ยอดผู้ป่วยรายใหม่อยู่ที่ 105,184 ราย และในวันที่ 16 พ.ย. อยู่ที่ 106,689 ราย

โควิด-19 ระลอกที่ 8

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้หลายฝ่ายประเมินว่า ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับการระลาดในระลอกที่ 8 และควรมีการปรับพิจารณามาตรการต่าง ๆ เพิ่มขึ้นหรือไม่ เนื่องจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขมีความกังวลต่อทรัพยากรที่ยังคงมีจำกัด และการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยรายใหม่ที่มากขึ้นอย่างรวดเร็ว จะสร้างแรงกดดันต่อระบบสาธารณสุขของญี่ปุ่นอีกครั้ง โดยเฉพาะในบางพื้นที่ของญี่ปุ่น เช่น ใน จ.ฮอกไกโด และนากาโน่ ที่ยอดผู้ป่วยรายใหม่กลับมาทำสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการระบาด ทางด้านของโตเกียวเอง ก็มีผู้ป่วยรายใหม่กลับมาแตะในระดับหมื่นรายอีกครั้ง และค่าเฉลี่ยผู้ป่วยรายใหม่ในรอบสัปดาห์ของโตเกียวอยู่ที่ 8,276 ราย เพิ่มขึ้น 24.7 เปอร์เซ็นต์จากสัปดาห์ก่อนหน้า

กระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นระบุว่า ในช่วงสัปดาห์ล่าสุดนี้ มีจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ เพิ่มขึ้น 1.24 เท่า เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า และเป็นการพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นใน 46 จาก 47 จังหวัดของญี่ปุ่น ยกเว้นจังหวัดยามากุจิ เพียงจังหวัดเดียวเท่านั้น

ทำให้สมาคมการแพทย์แห่งญี่ปุ่น ได้ออกมาเตือนประชาชนชาวญี่ปุ่นว่า ขณะนี้ ประเทศญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่การระบาดในระลอกที่ 8 และขอให้ประชาชนงดเว้น “พฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ” เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

อัตราการเสียชีวิตสูงขึ้น

หลังจากที่อัตราการพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มสูงขึ้น ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในญี่ปุ่นก็มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นด้วย โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ เนื่องจากการติดเชื้อที่เกิดขึ้นในกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงานที่เพิ่มสูงขึ้น และแพร่กระจายสู่กลุ่มผู้สูงอายุ รวมถึงการระบาดในสถานดูแลผู้สูงอายุ

ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า แนวโน้มของการระบาดอาจจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับการระบาดในระลอกก่อนหน้านี้ โดยผู้ป่วยอาการหนัก และผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นทั่วประเทศ อัตราการครองเตียงจะเพิ่มสูงขึ้นทั่วประเทศเช่นกัน

กังวลช่วงส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่

ผู้เชี่ยวชาญในญีปุ่นประเมินว่า การระบาดจะเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงปลายปี ที่มีงานเทศกาล และงานฉลองวันสิ้นปี ที่จะเกิดการรวมกลุ่ม รวมตัวเพิ่มมากขึ้น และการรักษามาตรการส่วนตัวที่ไม่ถูกต้อง จะกลายเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการระบาดเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังได้ปรับลดมาตรการและเปิดการท่องเที่ยว ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมายังประเทศญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงส่งผลให้โอกาสในการกระจายของโควิด-19 มีเพิ่มมากขึ้น

โดยในเบื้องต้น ได้มีคำแนะนำให้ประชาชน เฝ้าระวังป้องกันรักษามาตรการให้มากขึ้น สวมหน้ากากอนามัยให้ถูกต้องเมื่ออยู่ในพื้นที่แออัด อากาศไม่ถ่ายเท ถอดหน้ากากอนามัยเฉพาะเวลาที่รับประทานอาหารเท่านั้น

Twindemic

นอกจากโควิด-19 ที่มีแนวโน้มการระบาดเพิ่มสูงขึ้นแล้ว การระบาดของไข้หวัดใหญ่ก็มีทิศทางที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้ในบางพื้นที่จำเป็นต้องปิดการเรียนการสอนเนื่องจากมีผู้ติดโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น

ทางการญี่ปุ่นจึงแนะนำให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น ทั้งโควิด-19 ซึ่งเป็นวัคซีนชนิดสองสายพันธุ์ ร่วมกับการเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพื่อควบคุมการติดเชื้อ ร่วมกับมาตรการป้องกันอื่น ๆ

โดยนายกฯ ของญี่ปุ่นระบุว่า ขณะนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังติดตามสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด

คำแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย

ในช่วงฤดูหนาว ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่คนไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสอากาศหนาว ดังนั้นจึงแนะนำให้ผู้ที่จะเดินทางไปเตรียมความพร้อมในการเดินทาง โดยเฉพาะการป้องกันส่วนบุคคลต่าง ๆ เช่น การเตรียมหน้ากากอนามัย, เจลล้างมือ รวมถึงการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น รวมถึงวัคซีนไข้หวัดใหญ่ด้วย

นอกจากนี้ หากเป็นไปได้แนะนำให้ซื้อประกันภัยการเดินทางที่ครอบคลุมการรักษาโควิด-19 ด้วย เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลในญี่ปุ่นนั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าประเทศไทยค่อนข้างมาก


ข่าวที่เกี่ยวข้อง