คัดลอก URL แล้ว
“หมอธีระวัฒน์” เผยถึงภาวะลองโควิด-ผลกระทบจากวัคซีน หลังพบสถิติการเสียชีวิตสูงขึ้น

“หมอธีระวัฒน์” เผยถึงภาวะลองโควิด-ผลกระทบจากวัคซีน หลังพบสถิติการเสียชีวิตสูงขึ้น

เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2567 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงสถานการณ์อาการ Long Covid-19 และผลกระทบจากวัคซีน โดยระบุข้อความว่า

“แถลงการณ์ร่วมต่อสถานการณ์อาการ Long Covid-19 และผลกระทบจากวัคซีน

เนื่องในโอกาสที่ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ลงนามความร่วมมือทางด้านวิชาการ และการวิจัยร่วมกับวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ในวันนี้ จึงเห็นสมควรที่จะต้องแจ้งถึงสถานการณ์ในเรื่องภาวะลองโควิด-19 และผลกระทบต่อวัคซีนโควิด-19 ต่อพี่น้องประชาชน ดังนี้

ประการแรก จากการที่มีประชาชนชาวไทย และทั่วโลกกำลังได้รับผลกระทบจากภาวะต่อเนื่อง หลังการติดเชื้อโรคโควิด-19 หรือได้รับผลกระทบจากการได้รับวัคซีนในหลายมิติ เป็นผลทำให้มีประชาชนกลุ่มดังกล่าวเสียชีวิต หรือมีสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอลง หรือส่งผลต่อคุณภาพชีวิตแย่ลง เป็นเรื่องที่เป็นความจริงทั้งสิ้น

ประการที่สอง อาการที่เกิดขึ้นที่ทอดยาวเป็นเวลานาน เกินกว่าสามเดือนหลังจากติดเชื้อโควิด ที่เรียกว่าลองโควิด (long covid) โดยมีทั้งอาการทางระบบหัวใจและปอด ระบบสมองประสาทและกล้ามเนื้อ ภาวะที่มีการอักเสบของผิวหนัง เส้นเอ็นพังผืด กล้ามเนื้อ ข้อต่างๆ ตลอดจนการปะทุขึ้นของโรคที่ไม่เคยเป็นมาก่อนหรือโรคที่สงบไปแล้ว

รวมทั้งมะเร็งและการเกิดเริม งูสวัด ซึ่งไวรัสเหล่านี้เป็นไวรัสที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย จากการติดเชื้อเนิ่นนานมาแล้ว และถูกกดไม่ให้แสดงตัวออกมา จากการควบคุมของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงของร่างกาย และยังรวมถึงการนอนหลับที่ผิดปกติ หลับยาก หลับกระท่อนกระแท่น จนถึงฮอร์โมนแปรปรวน ทั้งผู้ชายและผู้หญิง

ประการที่สาม มีขบวนการปกปิดข้อมูล และข้อเท็จจริงของผู้ที่ได้รับผลกระทบ และเสียชีวิตจากวัคซีน ทำให้ตัวเลขการรายงานผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนต่ำกว่าความเป็นจริง รวมถึงการปิดกั้นข้อมูลข่าวสารจากโซเชียลมีเดีย และแอปลิเคชันในหลายระบบ ทำให้มีประชาชนอีกจำนวนมาก ยังไม่ทราบว่าตัวเองได้รับผลกระทบจากวัคซีน จึงทำให้ไม่สามารถหาแนวทางการรักษาตัวเองที่ถูกต้องได้

ในขณะเดียวกัน “กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์” ได้รวมตัวกันนำเสนอรายงานสถิติการเสียชีวิตของคนไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติ (excess deaths) ในปี 2565 และปี 2566 ทั้งๆ ที่เป็นช่วงที่โรคโควิด-19 ได้หยุดการระบาดไปแล้ว

โดยสถิติอัตราการเสียชีวิตของคนไทยในปี 2565 และ 2566 นั้น สูงเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงก่อนการเกิดโรคระบาด และมากกว่าช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการสืบสวนการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกตินั้น มีสัดส่วนอันเนื่องมาจากผลกระทบของวัคซีนมากเพียงใด

เพราะในรายงานการวิจัยสถิติในต่างประเทศ พบว่ามีผู้ที่เสียชีวิตจากวัคซีนโควิด-19 จริง และในผู้เสียชีวิตเหล่านี้ได้รับความเสียหายต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบทางโลหิตวิทยา ระบบทางเดินหายใจ หรือหลายระบบพร้อมกัน และมีการประเมินว่าการตายจากวัคซีน ที่รายงานเข้าในระบบ VAERS (Vaccine Adverse Event Reporting System) ของสหรัฐอเมริกาต่ำกว่าความจริงกว่า 20 เท่าตัว

ประการที่สี่ ผลการติดตามเบื้องต้นของศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ร่วมกับภาควิชาอายุรศาสตร์และสาขาประสาทวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบข้อมูลจากการติดตามผลของผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งจากโรคโควิด-19 ในผู้ที่ฉีดวัคซีนในประเทศไทยเกือบ 100 ราย ในระยะเวลา 1 ปี

พบค่าการอักเสบและโปรตีน ที่แสดงให้เห็นว่าเกิดภาวะสมองเสื่อม ทั้งที่ยังไม่มีอาการ และมีอาการแล้ว หรือแม้แต่ยังมีร่องรอยภาวะโรคสมองเสื่อมดำเนินต่อไป หากมีปัจจัยกระตุ้น แม้จะมีอาการป่วยดีขึ้นแล้วก็ตาม ซึ่งจะสร้างปัญหาต่อประชากรกลุ่มนี้ต่อไปในอนาคต หากไม่รู้ตัวหรือไม่ได้หาหนทางในการป้องกันหรือเยียวยาเพื่อลดความเสี่ยงลงด้วยคำแนะนำอย่างถูกต้อง

ประการที่ห้า นักวิจัยจากคณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้เผยแพร่รายงานเอาไว้ในวารสาร Nature Scientific Report เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2566 ได้กล่าวถึงประเด็นการฉีดวัคซีน หลังเข็มที่ 3 ว่าอาจจะทำให้ภูมิคุ้มกันชนิด T-Cell หมดแรง นั่นหมายความว่าการฉีดวัคซีนมากเกินไป อาจทำให้ร่างการมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลงได้

ประการที่หก สำหรับประชาชนที่สงสัยว่าสุขภาพร่างกายของตัวเองอ่อนแอลงไม่เหมือนเดิม อันเนื่องมาจากภาวะลองโควิด-19 หรือไม่ หรือสงสัยว่าจะได้รับผลกระทบจากวัคซีนหรือไม่ ซึ่งขณะนี้จะทำการสร้างเครือข่ายรับข้อมูลจากประชาชน

ประการที่เจ็ด สำหรับแนวทางการรักษา ทั้งจากภาวะลองโควิด-19 หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนในปัจจุบัน ได้มีการดำเนินการรักษาอยู่แล้ว ทั้งในวงการแพทย์แผนปัจจุบัน การแพทย์ทางเลือก ธรรมชาติบำบัด ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร การใช้สมุนไพร และตำรับยาตลอดจนหัตถการ ทั้งการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนจีน

ซึ่งวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต จะร่วมกับศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จะรวบรวมกรรมวิธีการเยียวยาและรักษา ทำการวิจัย และเผยแพร่ให้ประชาชนทราบในโอกาสต่อไป

ทั้งนี้ ขอเรียนเชิญแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ แพทย์แผนจีน หมอพื้นบ้าน เภสัชกรผู้รักชาติทั้งหลาย ได้ร่วมกันระดมเสนอหนทางจากประสบการณ์ตรง และให้ข้อมูลการช่วยเหลือและรักษาผู้ที่เป็นภาวะลองโควิด-19 และผู้ที่ได้รับผลกระทบของวัคซีน เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ได้มากที่สุดอย่างเป็นระบบและเข้าสู่เป็นงานวิจัยต่อไป

ประการที่แปด นอกจากขบวนการปกปิดข้อมูลแล้ว สังคมไทยควรตระหนักถึงความเสี่ยงอันตราย และรู้เท่าทันความเสี่ยงจากงานวิจัยในประเทศไทย ที่สนับสนุนโดยทุนต่างชาติ เพื่อหาหนทางการตัดต่อพันธุกรรมไวรัสจากค้างคาว เพื่อให้กลายเป็นเชื้อไวรัสในมนุษย์

อาจกลายเป็นการเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนบางกลุ่ม ที่ต้องการแสวงหาผลกำไร และความมั่งคั่งจากทำให้เกิดการแพร่ระบาดโรคระบาด สร้างความเสียหายต่อประชาคมโลกต่อไปในอนาคต และเห็นว่าสถาบันวิชาการในประเทศไทยควร เห็นแก่ประโยชน์ของชาติมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว หรือผลประโยชน์ของกลุ่มทุนต่างชาติ

สุดท้ายนี้สถานการณ์ปัญหาจากภาวะลองโควิด-19 และภาวะผลกระทบของวัคซีน จะต้องเริ่มต้นจากการยอมรับความจริง การเปิดเผยความจริงในประโยชน์ และความเสี่ยงตลอดจนผลกระทบอย่างรอบด้านเท่านั้น จะทำให้เกิดความเป็นธรรมต่อประชาชนในการตัดสินใจ และสร้างความตระหนักต่อความเสี่ยงการรับวัคซีนและไม่รับวัคซีนในอนาคต

รวมถึงทำให้ประชาชนได้รับรู้ เพื่อตระหนักและรีบตรวจคัดกรองความเสี่ยง ก่อนที่จะเกิดอันตรายในผลกระทบต่างๆ เพื่อทำให้เกิดการแสวงหาและรวบรวมหนทางในการฟื้นฟูสุขภาพ หรือรักษาประชาชนอย่างถูกต้องต่อไป และจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลในฐานะผู้ที่สนับสนุน และรณรงค์การใช้วัคซีนมาโดยตลอด ต้องให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนอย่างเต็มที่ และรวดเร็วต่อไปด้วย”


ข่าวที่เกี่ยวข้อง