นายสิรวิชญ์ ทองศรีนุช ปลัดอำเภอเกาะช้าง จ.ตราด พร้อมด้วย ผู้ใหญ่บ้านบางเบ้า หมู่ 1 ต.เกาะช้างใต้ ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครอง-ทหาร-ตำรวจ-สาธารณสุข-เทศบาล ต.เกาะช้างใต้- เข้าตรวจแคมป์แรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา ที่มีผู้พักอาศัยอยู่ทั้งหมดกว่า 50 คน ในย่านคลองกลอย หมู่ 1 ต.เกาะช้างใต้ หลังจากตรวจพบว่ามีแรงงานต่างด้าวภายในแคมป์ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 9 คน พบว่าเป็นคลัสเตอร์จากแรงงานต่างด้าวด้วยกัน โดยผู้ใหญ่บ้านได้พูดอธิบายทำความเข้าใจ เป็นภาษาไทย และภาษากัมพูชา กำชับให้แรงงานที่อาศัยอยู่ในแคมป์ทั้งหมด โดยเฉพาะครอบครัวผู้ติดเชื้อ ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง หยุดการเดินทางไปรับจ้างทำงาน ให้กักตัวเองภายในที่พักเป็นเวลา 14 วัน
เพื่อควบคุมแรงงานต่างด้าวกลุ่มเสี่ยงไม่ให้นำเชื้อโควิด-19 ไปแพร่ระบาดยังที่อื่นๆ และถ้าหากจากนี้ไปยังพบว่าไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยในช่วงที่มีการกักตัว 14 วัน ทางท้องถิ่น และผู้ใหญ่บ้าน จะมีการจัดคนคอยส่งอาหาร ให้แก่ผู้ที่ต้องกักตัวภายในที่พักแคมป์คนงาน สำหรับแรงานต่างด้าวชาวกัมพูชา ที่อาศัยอยู่ในแคมป์ดังกล่าว ส่วนใหญ่เคยรับจ้างทำงานในสถานประกอบการต่างๆบนพื้นที่เกาะช้าง เมื่อสถานประกอบการปิดตัวช่วงสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด ก็พากันไปรับจ้างทำงานทั่วไป ทั้งในและนอกพื้นที่เกาะช้าง
นายเติมศักดิ์ เสริฐศรี ผู้ใหญ่บ้านบางเบ้า หมู่ 1 ต.เกาะช้างใต้ กล่าวว่า ที่เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายต้องมีการพูดอธิบายสร้างความเข้าใจกับแรงงานต่างด้าวในแคมป์ดังกล่าว เนื่องจากได้พบว่า หลังจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตรวจพบมีแรงงานภายในแคมป์ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 9 คน แต่ยังพบว่าคนในครอบครัวผู้ติดเชื้อ และผู้สัมผัสใกล้ชิด กลุ่มเสี่ยงสูง ไม่ยอมกักตัวอยู่กับที่พัก ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ มีการขับรถจักรยานยนต์ไปไหน มาไหน พบปะกับแรงานด้วยกันตามปกติ สร้างความวิตกกังวลให้กับชาวบ้านในชุมชนที่พบเห็น หวั่นนำเชื้อไปแพร่กระจาย ซึ่งในวันนี้ได้ขอเก็บกุญแจรถจักรยานยนต์ของแรงงานต่างด้าวกลุ่มเสี่ยงสูงทุกราย เพื่อให้มีการกักตัวอยู่กับที่พัก ปิดการเข้า-ออกบริเวณแคมป์คนงาน
