คัดลอก URL แล้ว
ปคบ. ผนึกกำลัง อย. บุกตรวจค้น 3 จังหวัด 5 จุด ทลายเครือข่าย ผลิต – จำหน่ายแอลกอฮอล์ ผิดกฎหมาย ยึดของกลางกว่า 5 ล้านบาท

ปคบ. ผนึกกำลัง อย. บุกตรวจค้น 3 จังหวัด 5 จุด ทลายเครือข่าย ผลิต – จำหน่ายแอลกอฮอล์ ผิดกฎหมาย ยึดของกลางกว่า 5 ล้านบาท

วันนี้ (14 ก.ย. 64) กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) โดย พล.ต.ต. ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ., พ.ต.อ. สำเริง อำพรรทอง, พ.ต.อ. ศารุติ แขวงโสภา, พ.ต.อ. ศรีศักดิ์ คัมภีรญาณ, พ.ต.อ. ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ รอง ผบก.ปคบ. และ พ.ต.อ. เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย นพ. ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และ ภญ. สุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการ กรณีทลายเครือข่ายผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาด โดยผิดกฎหมาย สามารถตรวจยึดผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ได้เป็นจำนวนมาก

สืบเนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนว่า พบอาคารพาณิชย์ย่านถนนพหลโยธิน เขตสามเสนใน แขวงพญาไท กรุงเทพมหานคร มีการลักลอบผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาด เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นวัตถุไวไฟ จึงเกรงว่าจะเกิดอันตรายต่ออาคารบ้านเรือนบริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (กก.4 บก.ปคบ.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนดังกล่าวพบการลักลอบผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดโดยผิดกฎหมายจริง และจากการสืบสวนพบว่า มีเครือข่ายที่ร่วมกระทำความผิด จำนวน 5 ราย ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา และสมุทรปราการ

ต่อมาเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2564 เจ้าหน้าที่จึงได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นสถานที่ผลิตเครื่องสำอางในพื้นที่ อ. บางพลี จ. สมุทรปราการ จำนวน 2 จุด, สถานที่ผลิตเครื่องสำอางในพื้นที่ อ. นครหลวง จ. พระนครศรีอยุธยา จำนวน 2 จุด และสถานที่เก็บของและจำหน่ายในพื้นที่เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 จุด สามารถตรวจยึด ผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ชนิดน้ำ ชนิดเจล และชนิดสเปรย์, อุปกรณ์การแบ่งบรรจุ และขวดบรรจุภัณฑ์เปล่าพร้อมฉลากผลิตภัณฑ์ จำนวนมาก รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท จึงได้ตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวอาจเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ฐานผลิตเครื่องสำอางปลอม ผลิตเครื่องสำอางโดยไม่ได้จดแจ้ง ผลิตเครื่องสำอางไม่มีฉลาก และผลิตเครื่องสำอางที่แสดงฉลากที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญ ต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ. ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชน ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ มีตัวตน สามารถตรวจสอบกลับได้กรณีที่สินค้าที่ซื้อไปมีปัญหาในการใช้งาน ฉลากมีเลขที่จดแจ้งและมีรายละเอียดที่ครบถ้วนตรงกับข้อมูลการอนุญาตของ อย. และแจ้งเตือนไปยังผู้ที่กำลังกระทำความผิดในการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมายให้หยุดการกระทำดังกล่าวทันที หากตรวจพบจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด และหากพี่น้องประชาชนพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน บก.ปคบ.1135 หรือเพจ ปคบ. เตือนภัยผู้บริโภค

ภญ.สุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวในตอนท้ายว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ประชาชนมีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางประเภทสเปรย์และเจลแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดมือเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ผู้ประกอบการบางส่วนฉวยโอกาสลักลอบผลิตสเปรย์และเจลแอลกอฮอล์โดยไม่ขออนุญาตออกวางขายในท้องตลาด

ซึ่งในการดำเนินการครั้งนี้เกิดจากการที่ผู้ผลิตมีคำสั่งซื้อล้น ไม่สามารถผลิตเสร็จได้ตามสัญญาการว่าจ้าง โดยทำเป็นขบวนการว่าจ้างอีกหลายสถานที่เพื่อผลิตสินค้าอีกต่อหนึ่ง ซึ่งสถานที่ผลิตเหล่านี้มีทั้งได้รับอนุญาตผลิตเครื่องสำอางแล้วและยังไม่ได้รับอนุญาต แล้วตัดตอนนำไปติดฉลากอีกสถานที่หนึ่ง ซึ่งถือเป็นเครือข่ายลักลอบผลิตสเปรย์และเจลแอลกอฮอล์ปลอม จึงขอเตือนไปยังผู้ผลิตและผู้รับจ้างผลิตให้ปฏิบัติตามกฎหมาย หากพบมีส่วนเกี่ยวข้องจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายและทางปกครองโดยโดยเด็ดขาด เพราะถือว่าท่านมีเจตนาในการตั้งใจที่จะกระทำความผิด และขอเตือนสำหรับประชาชนก่อนตัดสินใจซื้อขอให้ตรวจสอบข้อมูลการอนุญาตทางเว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th หัวข้อ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ หรือทางไลน์ @FdaThai ทุกครั้ง

และหากพบการลักลอบผลิต นำเข้า จำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมาย ขอให้แจ้งมาที่สายด่วน อย. 1556 หรือที่อีเมล์ 1556@fda.moph.go.th เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ข่าวที่เกี่ยวข้อง