พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม ครม.ผ่านระบบทางไกล หรือ วีดีโอคอนเฟอร์เร้นที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการด้านสาธารณสุข ซึ่งการประชุมวันนี้ยังคงเน้นไปที่การประเมินสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 หลังมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสูงถึง 2 หมื่นคนติดต่อกันหลายวัน รวมถึงกระทรวงสาธารณสุขได้ประเมินว่าใน 2 เดือนนี้จะมียอดผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก
ขณะเดียวกันจะนำมติที่ประชุม ศบค.เมื่อวานนี้มาพิจารณาทั้งการขอความเห็นชอบในกระบวนการขนส่ง ภาษี นำเข้า และการส่งออก รวมถึงค่าธรรมเนียม ในการแลกวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 1.5 แสนโดส ระหว่างรัฐบาลภูฏานและรัฐบาลไทยโดยให้กองทัพอากาศเป็นผู้สนับสนุนการขนส่งวัคซีน รวมถึงขออนุมัติในหลักการในการรับบริจาคยาเพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโควิดอาการหนัก จากเยอรมันจำนวน 2000 ชุด โดยยาชนิดนี้ได้ขึ้นทะเบียนกับ อย.แล้ว และพิจารณาอนุมัติวงเงินมัดจำวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส พร้อมกับเสนอซื้อวัคซีนไฟเซอร์อีก 10 ล้านโดส หลังจากที่ประชุม ศบค.วานนี้ อนุมัติการจัดหาเพิ่มเติม
นอกจากนี้คาดว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีจะได้ชี้แจง ทำความเข้าใจกับรัฐมนตรี ที่มีรายชื่อถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวบรวมการดำเนินงานของรัฐบาลโดยเฉพาะการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ทั้งมาตรการควบคุมและป้องกัน การจัดหาและกระจายวัคซีน ยา เวชภัณท์ มาตรการช่วยเหลือเยียวยา มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพื่อใช้โอกาสนี้ชี้แจงให้ประชาชนรับทราบข้อเท็จจริง
โดยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี จะหารือเรื่องวัคซีน ภายในห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาลโดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข , นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ , นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน , นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี , นายปกรณ์ นิลประพันธ์เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา , นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ของเอสซีจี และ หม่อมหลวงชโยทิต กฤษดากร เข้าร่วมหารือ