คัดลอก URL แล้ว
นายกฯ เตรียมถกศบค. ชุดใหญ่ ประเมินสถานการณ์หลังครบ 14 วัน ล็อกดาวน์ 29 จ. – จับตา คลายล็อก 4 กิจการ

นายกฯ เตรียมถกศบค. ชุดใหญ่ ประเมินสถานการณ์หลังครบ 14 วัน ล็อกดาวน์ 29 จ. – จับตา คลายล็อก 4 กิจการ

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 หรือศบค.ชุดใหญ่ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) บ่ายวันนี้ โดยที่ประชุมจะได้รับทราบ แผนการให้บริการวัคซีนโควิด – 19 การรับความช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุขจากต่างประเทศ ทั้งการแลกวัคซีนโควิด-19 (AstraZeneca)ระหว่างรัฐบาลภูฏาน กับรัฐบาลไทย การรับบริจาค Monoclonal Antibody (Casirivimab/Imdevimab)จากกระทรวงสาธารณสุข ประเทศเยอรมนี รวมถึงประเมินผลการปรับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อโควดิ–19 และมาตรการป้องกันควบคุมในพื้นที่เฉพาะ (Bubble & Seal) และโครงการนำร่อง การป้องกันและควบคุมการแพรร่ ะบาดในโรงงาน หรือแฟคทอรี่แซนบ็อกซ์ (Factory Sandbox)

ขณะเดียวกันจะพิจารณามาตรการควบคุมสำหรับการเดินทางเข้าออกทางน้ำ เฉพาะกรณีเรือที่ไม่มีสัญชาติไทย เพื่อปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียม ภารกิจอื่นใด บนยานพาหนะหรือ สิ่งปลูกสร้างในทะเล

และการเปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต เชื่อมต่อจังหวัดนาร่องอื่น(7+7) พิจารณามาตรการผ่อนปรนให้ 4 ธุรกิจหลัก ที่มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตของประชาชน คือ 1.ธนาคาร สถาบันการเงิน 2.ธุรกิจสื่อสาร ไอที 3.ร้านเบ็ดเตล็ด 4.ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น

นอกจากนี้ที่ประชุมยังจะรับทราบสรุปสถานการณ์และแนวโน้มการระบาดของโรคโควิด – 19 สถานการณ์ ที่พบว่าการระบาดทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยหลายประเทศแถบยุโรปพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น แต่ยอดผู้เสียชีวิตไม่สูง เพราะประชากรได้รับวัคซีนในสัดส่วนสูงกว่าร้อยละ 50 ประเทศไทยมีแนวโน้ม พบผู้ติดเชื้อในเกณฑ์สูงต่อเนื่องในอีก 1-2 เดือน โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบผู้ติดเชื้อเดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อรับการรักษา กรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบผู้ติดเชื้อและ ผู้เสียชีวิตในเกณฑ์สูงคงตัว ทั้งจากตรวจคัดกรองด้วยวิธี RT-PCR และ ATK

จึงจำเป็นต้องเร่งมาตรการ ทางสังคมเพื่อลดจานวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ และเพิ่มจานวนทีมปฏิบัติเชิงรุก “CCR Team” เพื่อให้ผู้ป่วย ได้เข้าถึงการดูแลที่บ้านได้เร็วขึ้น ลดจำนวนผู้ป่วยอาการหนัก รวมทั้งลดการใช้เตียงเหลือง-แดง ภาคกลางและภาคตะวันออก พบการระบาดต่อเนื่องจากโรงงาน สถานประกอบการ สู่คนในชุมชน ครอบครัว คนที่รู้จักกัน และตลาด จึงจำเป็นต้องยกระดับมาตรการควบคุมโรคพื้นที่เฉพาะ (Bubble & Seal) เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่รระบาดในโรงงานและสถานประกอบการ

ขณะที่พื้นที่ภาคใต้และชายแดนใต้ พบผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจานวนมากอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องเน้นมาตรการ DMHTT ทั้งในบ้านและชุมชน ส่วนผลการประเมินมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ (ล็อกดาวน์) ตามข้อกำหนดฯ ในห้วงระยะเวลา 14 วันที่ผ่านมาพบว่าการล็อกดาวน์ได้ผลร้อยละ 25


ข่าวที่เกี่ยวข้อง