“ชมรมแพทย์ชนบท” ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า .. “หากวัคซีนมีน้อย คนอาจตายอีกนับหมื่น” ชมรมแพทย์ชนบท เชิญชวนทุกท่านร่วมลงชื่อ ในการรณรงค์ที่ ศ.ดร.นพ.ประเสริฐ เอื้อวรากุล รองคณบดีฝ่ายวิจัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล สร้างขึ้นเพื่อให้วัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยได้ใช้ในประเทศมากกว่าส่งออก
คลิกลงชื่อสนับสนุน
http://chng.it/X94dVxZj
นับตั้งแต่ 14 ก.ค.ที่คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ได้มีมติเห็นชอบในหลักการจะใช้อำนาจออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ตาม มาตรา 18 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคงวัคซีนแห่งชาติ 2561 เพื่อกำหนดสัดส่วนการส่งออกวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทย ไปนอกราชอาณาจักรชั่วคราว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ดำเนินการใดๆ
ทั้งนี้ ศ.ดร.นพ.ประเสริฐ เอื้อวรากุล ให้เหตุผลที่ขอให้ช่วยกันรณรงค์เรียกร้องให้รัฐบาลใช้ พรบ.ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2561 ลดการส่งออกวัคซีนที่ผลิตจาก Siam Bioscience !! ดังนี้
“ในเวลานี้การเข้ามาของวัคซีนบริจาคและข่าวการจัดหาวัคซีนเพิ่มอาจทำให้หลายคนเข้าใจว่าสถานการณ์วัคซีนของประเทศกำลังดีขึ้น แต่ที่จริงแล้วแม้ในระยะยาวสถานการณ์เรื่อง supply ของวัคซีนของประเทศอาจจะดีขึ้นจริง
แต่ผมทราบจากการพูดคุยกับหลายท่านที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่า ในระยะ 2-3 เดือนข้างหน้าที่เป็นระยะหน้าสิ่วหน้าขวานของการควบคุมการระบาด เรากำลังจะประสบปัญหาการขาดแคลนวัคซีนอย่างหนัก
วิธีที่ตรงไปตรงมามากที่สุดที่ประเทศควรทำในขณะนี้คือ การลดหรืองดการส่งออกวัคซีนที่ผลิตที่ Siam Bioscience เป็นการชั่วคราว ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีอำนาจตาม พรบ.ความมั่นคงด้านวัคซีนฯ ในการดำเนินการเรื่องนี้อยู่แล้ว
ขณะนี้ Siam Bioscience มีกำลังการผลิตประมาณเดือนละ 10 ล้านโดส หากใช้อำนาจตาม พรบ.ทำให้ประเทศมีวัคซีน 20-30 ล้านโดสในช่วง 3 เดือนข้างหน้านี้ได้ เราก็มีโอกาสที่จะควบคุมการระบาดและลดความสูญเสียได้ดีขึ้นมาก
การดำเนินการเช่นนี้จะมีผลกระทบต่อประเทศอื่นในภูมิภาคบ้างในการที่จะได้รับวัคซีนจาก AstraZenaca ลดลง แต่ประเทศเหล่านี้ไม่ได้พึ่งพาวัคซีนนี้เป็นหลักอย่างประเทศไทย การลดลงของวัคซีนชนิดเดียวในวัคซีนหลายๆชนิดมีผลกระทบน้อยกว่าประเทศไทยที่เมื่อวัคซีนหลักไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เราก็มีวัคซีนอื่นที่จะมาช่วยได้น้อยมาก เมื่อชั่งน้ำหนักแล้ว ผมคิดว่าแม้จะมองในระดับภูมิภาคเรื่องนี้ก็ยังจำเป็นต้องทำอยู่ดี”