คัดลอก URL แล้ว
คณบดีศิริราช เผยวัคซีนสลับชนิดไม่มีข้อห้าม ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน 2 ระบบ

คณบดีศิริราช เผยวัคซีนสลับชนิดไม่มีข้อห้าม ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน 2 ระบบ

ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงข่าวการฉีดวัคซีนโควิด 19 สลับชนิด ว่า วัคซีนโควิด 19 มี 4 ชนิด คือ mRNA เชื้อตาย ไวรัลเวคเตอร์ และโปรตีนซับยูนิต โดยวัคซีนชนิดเชื้อตายและโปรตีนซับยูนิต มีกลไกสำคัญคือสร้างภูมิคุ้มกันโดยกระตุ้นเม็ดเลือดขาวกลุ่ม B cells ที่จะสร้างแอนติบอดีออกมาในกระแสเลือด และป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าไปติดเชื้อในเซลล์ ส่วนชนิด mRNA และไวรัลเวคเตอร์มีกลไกสร้างภูมิคุ้มกันทั้งสองอย่างคือกระตุ้นเม็ดเลือดขาวชนิด T cells ที่จะไปฆ่าเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสและกระตุ้นเม็ดเลือดขาวกลุ่ม B cells ให้สร้างแอนตี้บอดี้

ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวต่อว่า การฉีดวัคซีนสลับชนิด โดยเข็ม 1 เป็นชนิดเชื้อตายที่กระตุ้น B cells ได้ดี แต่กระตุ้น T cellsไม่ดีนัก และปรับเอาวัคซีนที่กระตุ้น T cells ได้ดีคือไวรัลเวคเตอร์มาฉีดเป็นเข็มที่ 2 จึงกลายเป็นให้ฉีดด้วยซิโนแวค เว้น 3 สัปดาห์แล้วฉีดด้วยแอสตร้าเซนเนก้า โดย 2 สัปดาห์หลังฉีดแอสตร้าเซนเนก้า ภูมิคุ้มกันจะขึ้นสูง รวมใช้เวลา 5 สัปดาห์ ซึ่งข้อมูลวิจัยคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พบว่า ภูมิคุ้มกันสูงพอน่าจะครอบคลุมสายพันธุ์เดลตา

ขณะที่การศึกษาในต่างประเทศพบว่ามีประสิทธิภาพและความปลอดภัย ส่วนการฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม แม้กระตุ้นทั้ง T cells และ B cells แต่ใช้เวลานาน เนื่องจากเว้นระยะห่างระหว่างเข็ม 10-12 สัปดาห์ และใช้เวลาอีก 2 สัปดาห์ภูมิคุ้มกันจึงขึ้นสูง โดยรวมต้องใช้เวลา 12-14 สัปดาห์ ขณะที่การฉีดแอสตร้าเซนเนก้าเข็มเดียว ข้อมูลจากต่างประเทศพบว่าไม่พอในการลดการติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา และหากระยะเวลาระหว่างเข็ม 1 และเข็ม 2 ของแอสตร้าเซนเนก้า ยิ่งสั้นประสิทธิภาพจะยิ่งน้อยลง

“ขณะนี้โควิดสายพันธุ์เดลตาแพร่กระจายเร็วมาก ครอบคลุมทุกทวีป ทำให้ผู้ติดเชื้อทั่วโลกกลับมาเพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่การเสียชีวิตไม่ได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากวัคซีนช่วยลดอาการรุนแรงและการเสียชีวิต ส่วนประเทศไทยสายพันธุ์เดลตาพบมากถึงกว่าร้อยละ 50 ของการติดเชื้อการฉีดวัคซีนจะลดความรุนแรงและเสียชีวิต และจะช่วยลดการติดเชื้อหากมีการฉีดวัคซีนให้ประชาชนมากพอ ซึ่งการฉีดวัคซีนให้มากนั้น มีองค์ประกอบ 3 อย่าง คือ ต้องมีวัคซีนมากพอ บริหารจัดการการฉีดให้มีประสิทธิภาพมากพอ เช่น ฉีดให้ได้ 3-4 แสนโดสต่อวัน และมีผู้มารับการฉีด ดังนั้นเมื่อมีการจัดสรรวัคซีนให้แล้ว ขอให้มารับการฉีดวัคซีนด้วย” ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าว

ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า การฉีดวัคซีนสลับชนิดนี้ ไม่ได้มีรายงานภาวะแทรกซ้อนที่แตกต่างจากการฉีดวัคซีนชนิดเดียวกัน ส่วนการฉีดวัคซีนกระตุ้นในบุคลากรทางการแพทย์ที่รับซิโนแวค 2 เข็ม อยู่บนหลักการเดียวกัน คือ กระตุ้นด้วยวัคซีนต่างชนิดคือแอสตร้าเซนเนก้าที่ช่วยกระตุ้น T cells สำหรับวัคซีนรุ่น 2 รองรับการกลายพันธุ์ ประเทศไทยกำลังเจรจา ซึ่งอย่างเร็วอาจจะมาปีหน้า จึงเป็นอีกเหตุผลในการปรับสูตรการฉีดวัคซีนเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้คนไทยปลอดภัยระหว่างรอวัคซีนรุ่น 2


ข่าวที่เกี่ยวข้อง