นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย ยอมรับว่าแม้รัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาลูกจ้างและนายจ้างทั้งในและนอกระบบเพียงแค่ 1 เดือน แต่อย่างน้อยจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้ ส่วนการจำกัดพื้นที่ใน 10 จังหวัดสีแดงเข้ม แต่สะท้อนการช่วยเหลือนายจ้างเกือบครึ่งหรือ 60% ของนายจ้างทั้งหมดทั่วประเทศที่มีจำนวนกว่า 7.81 แสนคน ส่วนการกำหนดประเภทกิจการที่จะช่วยเหลือทั้ง 9 สาขา ส่วนตัวมองว่ามีบางสาขาที่ต้องตีความให้ชัดเจนว่ารัฐช่วยเหลืออาชีพไหนและใครบ้าง เป็นกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ หรือรายย่อย และหากธุรกิจไม่ได้อยู่ในระบบจะพิสูจน์ผลกระทบอย่างไร
นายธนิต ยังได้ประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด19 ตั้งแต่ระลอกแรกจนถึงระลอกล่าสุด ว่าจะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 11.03 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 65.3% ของจีดีพีโดยเทียบจากฐานปี 2562 ที่มีมูลค่าจีดีพีราว 16.87 ล้านล้านบาท เพราะกลุ่มธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างสาหัส โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจบริการ การท่องเที่ยว ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ร้านค้าย่อย แผงลอย ก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาการล็อกดาวน์ครั้งแรกในเดือน เม.ย. 63 จำนวนแรงงานในระบบประกันสังคมลดลงอย่างมากและต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี แม้รัฐบาลจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาต่อเนื่องผ่านโครงการต่าง ๆ โดยใช้เงินไปประมาณ 5.13 แสนล้านบาท ยังไม่รวมเงินจากประกันสังคมและเงินกู้เสริมสภาพคล่องเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ใช้ไปแล้วกว่า 3 แสนล้านบาท แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้การจ้างงานกลับมาได้
ฃ
โดยตัวเลขแรงงานในระบบประกันสังคม มาตรา33 เดือน พ.ค. 64 มีจำนวน 11.07 ล้านคน เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนการระบาดที่มี 11.54 ล้านคน ชี้ให้เห็นว่าวิกฤตเศรษฐกิจทำให้แรงงานในระบบหายไปถึงกว่า 4 แสน 6 หมื่น 3 พันคน / ขณะที่ตัวเลขแรงงานต่างด้าวทุกประเภท เดือน พ.ค.64 มีจำนวน 2.3 ล้านคน ลดลงจาก พ.ค. 62 ที่มี 3.18 ล้านคน ลดลงถึง 27.6% ต่ำสุดในรอบ 2 ปี
