KEY :
- ผลการศึกษาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ทั่วโลก พบว่า มีเพียง 0.18% ของพื้นที่โลกที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 ต่ำกว่าค่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลก และมีประชากรโลกเพียง 0.001% เท่านั้นที่ได้หายใจได้อากาศที่อยู่ในเกณฑ์ยอมรับได้
- โดยในระยะเวลาหนึ่งปี สำหรับในภูมิภาคเอเชียตะวันออก จะมีมากกว่า 328 วันที่ค่าฝุ่นสูงเกิน 15 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร สูงเกินกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้
…
นักวิทยาศาสตร์ได้รายงานผลการศึกษาการกระจายของฝุ่น PM 2.5 ทั่วโลก ภายหลังจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แนวโน้มของฝุ่น PM 2.5 มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในทวีปเอเซียใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ละตินอเมริกาและแถบทะเลคาริบเบี้ยน ในตลอดช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา จนถึงปี 2019
โดยในปี 2019 มีจำนวนวันมากกว่า 70% ที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูงเกิน 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และหาดูในภูมิภาพของเอเชียใต้ และ เอเชียตะวันออก มีจำนวนวันมากกว่า 90% ที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูงเกิน 15 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร
ซึ่งนั่นหมายความว่า ในหนึ่งปี ประชากรในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกจะต้องหายใจเอาฝุ่น PM 2.5 มากกว่า 328 วัน ในเกณฑ์ที่สูงเกินกว่าค่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ที่ 15 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร
นักวิจัยพบว่า ความเข้มข้นสูงสุดเกิดขึ้นของฝุ่น PM 2.5 นั้น พบมากที่สุดคือ ในเอเชียตะวันออก อยู่ที่ระดับ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตามด้วยเอเชียใต้ 37 ไมโครกรัม และแอฟริกาเหนือ 30 ไมโครกรัม โดยทั่วโลกในช่วงปี 2000 ถึง 2019 มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อยู่ที่ 32.8 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ต่อปี
ในขณะที่ค่าฝุ่น PM 2.5 ในแถบยุโรปและอเมริกาเหนือลดลง ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากนโยบายและกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เข้มงวดต่อการปล่อยฝุ่นควันต่าง ๆ สู่อากาศ โดยฝุ่น PM 2.5 ที่พบนั้นเกิดขึ้นจากทั้งควันจากยานพาหนะต่าง ๆ , ควันและเถ้าถ่านที่เกิดขึ้นจากไฟป่าและการเผา ร่วมกับฝุ่นละอองซัลเฟตต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากโรงไฟฟ้าและฝุ่นในทะเลทราย
ผลการศึกษายังพบด้วยว่า พื้นที่มากกว่า 99.82% ของโลกจะเผชิญกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 สูงเกินกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ ( 15 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) และนั่นหมายความว่า มีพื้นที่บนโลกเพียง 0.18% เท่านั้นที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5 และมีประชากรโลกเพียง 0.001% เท่านั้นที่สามารถหายใจในอากาศที่อยู่ในเกณฑ์ดี
นอกจากนี้ ในช่วงของฤดูกาลที่แตกต่างกันไป ส่งผลต่อปริมาณค่าฝุ่น PM 2.5 ที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค เช่น ในช่วงฤดูหนาว (ธ.ค. – ก.พ.) จะพบว่า พื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน และทางตอนเหนือของอินเดีย จะมีค่าฝุ่น PM 2.5 สูงขึ้น ในขณะที่ทางด้านตะวันออกของแถบอเมริกาเหนือ จะมีค่าฝุ่น PM 2.5 สูงขึ้นในช่วงฤดูร้อน ( มิ.ย. – ส.ค.) ในขณะเดียวกันบริเวณแถบอเมริกาใต้ เช่นบราซิล จะมีค่าฝุ่น PM 2.5 สูงขึ้นในช่วงเดือน ส.ค. – ก.ย. เชื่อมโยงกับการทำเกษตรกรรมในช่วงดังกล่าว
สำหรับการวิจัยในครั้งนี้ เป็นการรวบรวมข้อมูลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากสถานีตรวจวัดกว่า 5,000 แห่งทั่วโลก ร่วมกับการใช้แบบจำลองต่าง ๆ
ข้อมูล :
- https://www.thelancet.com/journals/lanplh/article/PIIS2542-5196(23)00008-6/fulltext