จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (28 มี.ค. 2568) สำนักงานประสานงานกิจการมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA) เปิดเผยว่า รายงานเบื้องต้นระบุว่า ประเทศเมียนมาได้รับความเสียหายอย่างหนัก เนื่องจากจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่บริเวณใจกลางประเทศ
ในขณะนี้ รายงานความเสียหายยังคงไม่ชัดเจน แต่เบื้องต้นพบว่า โครงสร้างพื้นฐานจำนวนมากได้รับความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล มหาวิทยาลัย ถนนหลายพังเสียหาย สะพานหลายแห่งพังถล่ม หรือแม้แต่สนามบินที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวด้วย เช่นที่ สนามบิน “เนปิดอว์” หอบังคับการบินได้พังถล่มลงมา ส่งผลให้สนามบินไม่สามารถใช้งานได้ และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 รายในเหตุการณ์ดังกล่าว
ส่วนที่สนามบินมัณฑะเลย์ ก็ต้องปิดทำการชั่วคราวด้วยเช่นกัน จากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหว ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาหลายเดือนในการฟื้นฟูสนามบินทั้งสองแห่งให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีโบราณสถานเก่าแก่หลายแห่งได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นด้วย
สำหรับยอดผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายในขณะนี้ ยังคงไม่ชัดเจน แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นในขณะนี้กินบริเวณกว้างทั่วรัฐฉาน เขตสะกาย และเขตมัณฑะเลย์ โดยมิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาลงพื้นที่โรงพยาบาลในกรุงเนปิดอว์ ที่เป็นศูนย์กลางรักษาและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเหตุแผ่นดินไหว
ในขณะที่โฆษกกองทัพเมียนมาได้ออกมากล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้น เมียนมาต้องการให้ประชาคมโลกให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยเร็วที่สุด ซึ่งรัฐบาลทหารเมียนมา ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเมืองสะกาย มัณฑะเลย์ พะโค และมาเกว รวมทั้งรัฐฉานทางตะวันออกด้วย
ด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในเมียนมาวันนี้ มีความรุนแรงเทียบเท่ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตุรกีและซีเรียเมื่อ 2 ปีก่อน และศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ใกล้กับเมืองใหญ่อย่างมัณฑะเลย์ ยิ่งทำให้ผลกระทบยิ่งรุนแรงมากขึ้น
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตกำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางตัวเลขผู้สูญหายหรือติดค้างอยู่ใต้ซากอาคารต่าง ๆ ยังคงไม่ชัดเจน เฉพาะในเมืองมัณฑะเลย์ มีรายงานยอดผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 40 ราย และยังมีผู้ที่ติดค้างอยู่อีกนับร้อยรายที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ
