ข้อมูลจาก อธิบดีกรมสุขภาพจิตตลอดในปี 2560 มีผู้ป่วยจิตเวชเข้าถึงบริการรักษาแล้ว 2 ล้าน 6 แสนกว่าคน หัวใจสำคัญที่สุดที่จะไม่ทำให้ผู้ป่วยจิตเวชอาการกำเริบ คือต้องกินยาต่อเนื่อง แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้ว ความผิดปกติที่เคยมีเช่น หูแว่ว ประสาทหลอนจะไม่มีแล้วก็ตาม ก็ยังไม่ได้แปลว่าหายขาด รู้เท่าทัน โรคจิตเวช อาการเป็นอย่างไร วิธีรักษา แนวทางการอยู่ร่วมกับผู้ป่วยจิตเวช
โรคจิตเวช คืออะไร?
โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับจิตใจ เกิดจากความผิดปกติของสมองที่ควบคุมเรื่องความคิด อารมณ์ และพฤติกรรม เช่น โรคซึมเศร้า โรคไบโพล่าร์ โรคจิตเภท โรควิตกกังวล โรคแพนิค โดยศาสตร์ความรู้เกี่ยวกับโรค และการรักษาเรียกว่าจิตเวชศาสตร์ และแพทย์ที่ศึกษาเฉพาะทางด้านนี้เรียกว่า จิตแพทย์
![](https://mono29.com/app/uploads/2023/12/OIG-21.jpg)
โรคจิตเภท เป็นส่วนหนึ่งในโรคทางจิตเวช
โรคจิตเภท (Schizophrenia) เป็นส่วนหนึ่งในโรคของจิตเวช โดยกลุ่มอาการของโรคนี้ ภาวะสมองมีความผิดปกติ ผู้ป่วยมีความคิดและการรับรู้ไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น หลงเชื่อผิดๆ ว่าจะมีคนมาทำร้าย หูแว่น เห็นภาพหลอน ส่งผลเสียต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยจะมีพฤติกรรมหรือคำพูดที่ดูแปลกกว่าคนทั่วไป มักจะเกิดในวัยรุ่นเมื่ออายุประมาณ 14-16 ปี ไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น
สาเหตุโรคจิตเวช
สามารถแบ่งสาเหตุออกได้สองปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ดังนี้
1.ปัจจัยภายใน เกิดจากสารสื่อประสาทรวน อาจมาจากร่างกายของผู้ป่วยพันธุกรรม หรือสารเคมีที่ได้รับ เช่น สารเสพติด หรือยารักษาโรคอื่นๆ ของผู้ป่วย
2.ปัจจัยภายนอก อาจมาจากโรคเครียด การเลี้ยงดู ครอบครัว การทำงาน หรือปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเครียดมาก ซึ่งอาจเข้าไปกระตุ้นให้เกิดอาการได้
อาการโรคจิตเวช มีแบบบวกและแบบลบ
สำหรับอาการของโรคนี้มีอาการแบบบวก คือ แสดงกิริยามากกว่าคนทั่วไป และอาการแบบลบ คือ แสดงกิริยาน้อยกว่าคนทั่วไป
![](https://mono29.com/app/uploads/2023/12/OIG-25.jpg)
อาการแบบบวก
- หลงผิด เชื่อว่าเกิดขึ้นจริง ทั้งที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
- รับรู้ผิดปกติ เช่น หูแว่ว เห็นภาพหลอน การได้กลิ่น หรือสัมผัส
- พูดผิดปกติ ตอบไม่ตรงคำถาม พูดไม่ปะติดปะต่อ มีภาษาแปลกๆ ฟังแล้วไม่เข้าใจ
- พฤติกรรมแปลกไป เช่น ลุกขึ้นรำ เดินไปเดินมาไม่มีเหตุผล หัวเราะคนเดียว
อาการแบบลบ
- ไม่ค่อยมีอารมณ์กับสิ่งรอบตัว
- หน้านิ่ง เฉยเมย พูดน้อย
- เก็บตัว ซึม ไม่อยากพบใคร
- ไม่อยากทำอะไร ไม่มีแรงบันดาลใจ
ระยะของโรคจิตเภท แบ่งได้เป็น 3 ระยะ ดังนี้
![](https://mono29.com/app/uploads/2023/12/OIG-26.jpg)
ระยะเริ่ม หรือระยะก่อโรค
- ผู้ป่วยเริ่มมีอาการด้านลบ แยกตัว ไม่ค่อยอยากทำอะไร อาการจะเริ่มก่อตัวใช้เวลา 6 เดือนขึ้นไป
ระยะกำเริบ
- เริ่มเห็นอาการด้านบวกมากขึ้น เช่น หูแว่ว หลงผิด ระแวง พูดจาแปลกๆ ควรรีบพบแพทย์
ระยะหลงเหลือ
- ระยะที่ผ่านการรักษามาแล้ว แต่ยังมีอาการหลงเหลืออยู่ เช่น จากระแวงมั่นใจว่ามีคนมาทำร้าย เหลือเป็นสงสัยว่าอาจมีคนจะทำร้าย ผู้ป่วยหลายคนเมื่อรักษาแล้วหายสนิทจะไม่มีอาการช่วงนี้
![](https://mono29.com/app/uploads/2023/12/OIG.VSaBQqG9b.jpg)
โรคจิตเภท มีการดูแลรักษาอย่างไร
- การรักษาด้วยยา เพื่อควบคุมอาการและลดการกำเริบซ้ำของโรค
- การฟื้นฟูสภาพจิตใจ โดยฝึกการเข้าสังคมและให้คำปรึกษาแก่ผู้ป่วย
- การทำจิตบำบัด โดยผู้เชี่ยวชาญพูดคุยกับผู้ป่วยเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าใจตนเองและปัญหาของตนเองมากขึ้น
- ครอบครัวบำบัด โดยแพทย์เป็นผู้ให้ความรู้ในเรื่องโรคและสิ่งที่ญาติควรปฏิบัติต่อผู้ป่วย
- กลุ่มบำบัด เป็นการจัดกิจกรรมกลุ่มระหว่างผุ้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยมีเพื่อนคอยสนับสนุนให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
แนวทางการดูแล ผู้ป่วยโรคจิตเภท
- ครอบครัว และคนรอบข้างทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผู้ป่วยเป็น ว่าผู้ป่วยไม่ได้ตั้งใจสร้างความรำคาญเดือดร้อน หากผู้ป่วยเกิดความผิดปกติไม่ควรถือโทษ ไม่ควรโต้เถียงกับ
- ควรแสดงความเห็นใจในความทุกข์ที่ผู้ป่วยได้รับจากอาการทางจิต ให้ความช่วยเหลือ ไม่กดดันให้ผู้ป่วยรู้สึกเครียด
- กระตุ้นผู้ป่วยแต่ไม่บังคับ เช่น กระตุ้นให้ผู้ป่วยช่วยเหลือตนเอง ช่วยทำงานบ้านง่ายๆ
- หลีกเลี่ยงการตำหนิผู้ป่วยโดยไม่จำเป็น
- ดูแลผู้ป่วยเรื่องการกินยาให้ครบ
ทั้งนี้ หากคนในครอบครัวหรือคนรอบข้างของคุณมีอาการเกี่ยวข้องกับโรคจิตเวช ที่มีลักษณะเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิต เช่น ไม่สามารถไปทำงานได้ มีปัญหาด้านสัมพันธภาพกับผู้อื่น พฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม ลองให้คำปรึกษาก่อน หากพบว่าไม่ดีขึ้น ควรพาไปพบแพทย์โดยด่วน
ขอบคุณที่มาจาก : รพ.เปาโล, รพ.มนารมย์