ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 ได้รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยประจำวันนี้ โดย
- พบผู้ป่วยในรพ.เพิ่ม 2,046 ราย รวมสะสม 4,654,969 ราย
(เป็นผู้ป่วยในประเทศทั้งหมด)
- หายป่วยเพิ่ม 1,565 ราย รวมหายแล้ว 4,606,170 ราย
- เสียชีวิตเพิ่ม 24 ราย รวมเสียชีวิตแล้ว 32,352 ราย
- ผู้ป่วยที่ยังคงรักษาตัวในระบบบริการ 16,447 ราย
แนวโน้มโควิด-19 ในประเทศไทย
- จำนวนผู้ป่วยป่วยปอดอักเสบเริ่มขยับลดลงเล็กน้อย แต่ยังต้องติดตามต่อเนื่อง
- จำนวนผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มทรงตัว โดยค่าเฉลี่ยของผู้เสียชีวิตในรอบ 7 วันนั้นอยู่ที่ 29 ราย/วัน ต่อเนื่องมาเป็นเวลา 14 วันแล้ว
สถานการณ์ในขณะนี้ แม้ว่าจะเริ่มดีขึ้น มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในระบบ ATK+ ลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน แต่ยอดในระบบยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงยังควรรักษามาตรการป้องกันโควิด-19 ต่อไป
โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่อาศัยอยู่ร่วมกับผู้สูงอายุ ซึ่งกลุ่มนี้มีความเสี่ยงในการป่วยหนักและเสียชีวิตได้มากกว่า รวมถึงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นด้วย เนื่องจากพบว่าผู้ป่วยที่มีอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป และไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับไม่ครบถ้วน มีอัตราการป่วยหนักมากกว่ากลุ่มที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น
นอกจากนี้ การติดซ้ำ ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการเป็น Long Covid ได้มากขึ้นด้วย
สถานการณ์โควิด-19 ในต่างประเทศ
- ยอดผู้ป่วยรายใหม่ทั่วโลกยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตรายใหม่มีแนวโน้มที่จะยังคงทรงตัว ไม่ลดลงตามไปด้วย
- จีนประกาศล็อกดาวน์เมืองเฉิงตู เพื่อตรวจโควิด-19 เป็นเวลา 4 วัน ส่งผลให้ประชาชนจำนวน 21.2 ล้านคน จำเป็นต้องอยู่ในบ้าน หลังพบผู้ป่วยรายใหม่ 157 ราย
- แคนาดาเริ่มต้นเปิดภาคเรียนใหม่ โดยได้ยกเลิกมาตรการป้องกันโควิด-19 โดยให้นักเรียนกลับมาเรียนได้ปรกติ ไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัย ด้านผู้เชี่ยวชาญระบุ ยังควรที่จะสวมหน้ากากอนามัยอยู่
- ญี่ปุ่น มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 149,906 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 303 ราย ซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ลดลงถึง 25% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า
- โดยยอดผู้ป่วยในสัปดาห์ล่าสุดอยู่ที่ 1.06 ล้านราย ลดลงในเกือบทุกช่วงอายุ ยกเว้นในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี ที่มีอัตราการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นการติดเชื้อจากโรงเรียน
- เกาหลีใต้ ยอดผู้ป่วยรายใหม่ 81,573 ราย มีแนวโน้มที่ลดลง ส่วนยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มจำนวน 112 ราย ซึ่งมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. ที่ผ่านมา
- องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป หรือ European Medicines Agency (EMA) ออกคำแนะนำประเทศต่าง ๆ ในยุโรปให้ปรับเปลี่ยนวัคซีนเข็มกระตุ้น มาเป็นชนิด 2 สายพันธุ์ รุ่นใหม่