วันนี้ (6 ก.ย. 64) นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีหลังการประกาศผ่อนปรนของรัฐบาลให้ เปิดห้างสรรพสินค้าและสามารถนั่งทานข้าวในร้านอาหารได้นั้น ตนตั้งข้อสังเกตว่า แต่รายได้ประชาชนยังไม่กลับมา คนเดินห้างบางตา เคอร์ฟิวยังอยู่ รัฐบาลต้องเปลี่ยนวิธีรับมือกับโควิด ไม่ให้รายได้ประชาชนตกเหวลึกไปมากกว่านี้
วรภพกล่าวว่า ถึงเวลาที่รัฐบาลยอมรับได้แล้วว่า การลดลงของตัวเลขผู้ติดเชื้อ นโยบายสำคัญอยู่ที่ การคลายล็อกให้ประชาชนเข้าถึง Antigen Test Kits กลางเดือน ก.ค. ให้ประชาชนสามารถตรวจการติดเชื้อได้สะดวกและเร็วขึ้น เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อต่อได้เร็ว ไม่ใช่การล็อคดาวน์ ปิดห้าง ปิดร้านค้า ที่กระทบรายได้ประชาชนจำนวนมาก
“แต่ ATK ปัจจุบันที่ราคาเท่าค่าแรงทั้งวัน กลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ยังคง ไม่สามารถตรวจการติดเชื้อได้ทุกสัปดาห์ และทำให้การตรวจเชื้อไม่มีทางทำได้ทั่วถึงเพื่อลดการแพร่ระบาดให้เร็วขึ้น”
มีแค่การแจก ATK ให้ประชาชนตรวจกันเอง ทุกสัปดาห์เท่านั้น ที่จะช่วยให้ลดการแพร่ระบาดได้เร็วขึ้น และสามารถคลายล็อกดาวน์ให้เศรษฐกิจฟื้นฟูอีกครั้ง วงเงินที่ใช้ 30,000 ล้านบาท/เดือน แต่เศรษฐกิจที่จะกลับมาจากการคลายล็อกดาวน์ เปิดเมืองนั้นสร้างรายได้มากกว่างบที่ใช้หลายเท่า ที่สำคัญ ต้องอย่าลืมว่า ถึงวันนี้ ธุรกิจอย่างร้านเหล้าถูกสั่งปิด มาแล้ว 331 วัน นับตั้งแต่ มี.ค. 63 ที่คนทำงานกลางคืน นักดนตรี ไม่มีรายได้เลยตั้งแต่ตอนนั้น หรือ ธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ 538 วันมาแล้ว การเปลี่ยนการรับมือโควิด จากการสั่งปิด มาเป็นแจกชุด ATK ให้ประชาชนตรวจเองที่บ้านทุกสัปดาห์ จะเป็นมาตรการระยะยาวที่เหมาะสมทั้งการควบคุมการแพร่ระบาดและทำให้ประชาชนยังคงสามารถทำมาหากิน สร้างรายได้ ในช่วงวิกฤตนี้ “ วรภพ กล่าว
วรภพ ตั้งข้อสังเกต ว่า นอกจากแจก ATK ประชาชนแล้วนี้ สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งออกมาตรการเพิ่มคือขยายพักชำระหนี้ และห้ามสถาบันการเงินยึดทรัพย์จนถึงสิ้นปี 64 นี้ เพราะจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐ กระทบรายได้ของประชาชนจำนวนมากจนกลายมาเป็นวิกฤตหนี้ของประชาชนแทน ถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องขยายมาตรการพักชำระหนี้ของลูกหนี้เพิ่มจนถึงสิ้นปี 64 หรือจนกว่ารัฐบาลจะคลายมาตรการล็อกดาวน์ทั้งหมด
“เพราะรัฐบาลสั่งให้สถาบันการเงินพักชำระหนี้เพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้นในเดือน ก.ค. แต่วิกฤคโควิดกระทบกับเศรษฐกิจนานกว่าที่รัฐบาลเคยประเมินไว้มาก ถึงเวลาทบทวนขยายระยะเวลาให้ประชาชนสามารถพักชำระหนี้ออกไปอีก 4 เดือน หรือจนถึงสิ้น ปี 64 นี้”
วรภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า และรอบนี้รัฐบาลต้องคุ้มครองไม่ให้ สถาบันการเงินยึดทรัพย์ประชาชน จนถึงสิ้นปี 64 ด้วย เพราะมีลูกหนี้จำนวนมากที่กำลังจะถูกยึดทรัพย์ ยึดบ้าน ยึดรถ ในช่วงวิกฤตนี้ ซ้ำเติมประชาชนเข้าไปอีก รัฐบาลต้องเร่งออกมาตรการคุ้มครองลูกหนี้ จากมาตรการรับมือโควิดที่กระทบรายได้ประชาชน เพราะสำหรับบางคน รถคือทรัพย์สินที่ใช้สำหรับหารายได้ในอนาคต อย่าง แท็กซี่ วิน รถตู้ ต้องคุ้มครองเพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้ ยังมีบ้านอยู่ในช่วงโควิด มีรถสำหรับหารายได้หลังผ่อนคลายล็อกดาวน์
“มาตรการเร่งด่วนเหล่านี้เป็น มาตรการพื้นฐานที่รัฐบาลทั่วโลกประกาศช่วยเหลือประชาชนทันที พร้อมกับมาตรการล็อคดาวน์ ไม่ใช่แค่มีแต่คำสั่งปิด แต่ถึงเวลาไม่ช่วยเหลือ เยียวยาประชาชนจาก สถาบันการเงินแบบนี้ แบบที่รัฐบาลกำลังไทยอยู่นี้” วรภพ กล่าวทิ้งท้าย