
ในอาคารปิดตายที่ล้อมด้วยกำแพงสูงและประตูเหล็กหนักแน่น ตั้งอยู่ในเมืองเศรษฐกิจชายแดนอย่างสีหนุวิลล์ ปอยเปต และบาเวตของกัมพูชา รายงานของ Amnesty International เปิดเผยว่ามีแรงงานข้ามชาติจำนวนมากถูกนำเข้ามาโดยผิดกฎหมาย ก่อนจะถูกกักขังและบังคับให้ทำงานในเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ ภายใต้เงื่อนไขที่เข้าข่ายการค้ามนุษย์ การบังคับใช้แรงงาน และการทรมาน อาคารเหล่านี้รู้จักกันในชื่อ COMPOUNDS ซึ่งถูกใช้เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติที่แฝงตัวในคราบธุรกิจ.

กับดักของคำว่างานดี เงินเดือนสูง สู่การถูกขังในต่างแดน
หลายคนที่ตกเป็นเหยื่อเดินทางจากประเทศต้นทาง เช่น ไทย เวียดนาม จีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ หรือแม้แต่จากแอฟริกาตะวันออก ด้วยความหวังว่าจะได้งานมั่นคง รายได้ดีตามที่โฆษณาไว้บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย แต่ทันทีที่เดินทางถึงกัมพูชา หนังสือเดินทางของพวกเขาถูกยึด และถูกพาเข้าไปอยู่ใน COMPOUNDS ที่มีการควบคุมเข้มงวด เส้นทางการหลบหนีหรือขอความช่วยเหลือแทบเป็นไปไม่ได้

แรงงานเหล่านี้ถูกบังคับให้หลอกลวงผู้อื่นผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเฉพาะการแชตหลอกลงทุน หลอกความรัก หรือหลอกให้โอนเงิน พวกเขาถูกกำหนดเป้ายอด หากไม่สามารถทำได้ตามเป้า จะต้องเผชิญกับบทลงโทษ เช่น การทำร้ายร่างกาย การทรมานด้วยไฟฟ้าช็อต การกักขังเดี่ยว หรือแม้กระทั่งการถูกขายต่อให้ COMPOUND แห่งอื่น ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งและมักไม่สามารถต่อต้านได้

COMPOUNDS อาชญากรรมที่อำพรางตัวในคราบธุรกิจ
COMPOUNDS ที่ปรากฏในรายงานของ Amnesty มีลักษณะคล้ายศูนย์ควบคุมขนาดใหญ่ซึ่งถูกใช้เป็นแหล่งดำเนินงานของกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ มีการแบ่งห้องทำงาน การรักษาความปลอดภัยด้วยกล้องวงจรปิดและเจ้าหน้าที่ติดอาวุธ และมีระบบจัดการแรงงานที่เสมือนกับการถือครอง “ทรัพย์สิน” มากกว่ามนุษย์ หลายแห่งจดทะเบียนในนามบริษัทเอกชนแต่กลับมีการควบคุมแรงงานเหมือนคุกลับ

รายงานยังพบว่ามีแรงงานถูกขายหรือเปลี่ยนมือหลายครั้งภายใน COMPOUNDS เหล่านี้ โดยกระบวนการมักอ้างว่าเป็นการ “โอนพนักงาน” หรือ “ตัดหนี้” แต่ความจริงแล้วคือการซื้อขายบุคคล การกระทำเช่นนี้เข้าข่ายการค้ามนุษย์อย่างชัดเจน
การทรมานและการควบคุมทางจิตใจในแต่ละวัน
เหยื่อจำนวนมากเล่าให้ Amnesty ฟังถึงความโหดร้ายที่ต้องเผชิญ ตั้งแต่การถูกเฆี่ยนตีด้วยไม้หรือสายไฟ ถูกจับขัง ถูกบังคับให้ทำงานวันละมากกว่า 15 ชั่วโมงโดยไม่มีวันหยุด บางคนถูกขู่จะทำร้ายครอบครัวที่ประเทศต้นทางหากไม่ยอมทำงาน มีรายงานว่าแรงงานบางคนถึงกับพยายามฆ่าตัวตายเพื่อหลุดพ้นจากวงจรนี้
สภาพจิตใจของผู้รอดชีวิตหลายคนเต็มไปด้วยบาดแผล พวกเขาถูกปฏิบัติเหมือนเครื่องจักรเพื่อใช้สร้างรายได้ให้กับองค์กรอาชญากรรม ที่มองข้ามความเป็นมนุษย์ของผู้ที่ถูกล่อลวงมาโดยสิ้นเชิง
ความล้มเหลวในการคุ้มครองของรัฐทั้งต้นทางและปลายทาง
แม้จะมีการช่วยเหลือแรงงานออกจาก COMPOUNDS ในบางกรณี แต่รายงานชี้ว่ารัฐบาลกัมพูชามักไม่ดำเนินคดีกับผู้ควบคุม COMPOUNDS หรือผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ประเทศต้นทางของแรงงานจำนวนมากไม่มีระบบติดตามหรือป้องกันการค้ามนุษย์อย่างเป็นรูปธรรม บางกรณีเหยื่อกลับถูกมองว่าเป็นผู้กระทำผิดในคดีไซเบอร์ ทั้งที่แท้จริงแล้วเป็นเพียงเหยื่อของระบบที่ล้มเหลวในการคุ้มครอง
รายงานยังพบว่า การช่วยเหลือแรงงานมักมุ่งเน้นเพียงการส่งกลับประเทศโดยเร็วที่สุด โดยไม่มีระบบฟื้นฟูหรือเยียวยาระยะยาว ทำให้ผู้เสียหายจำนวนมากกลับไปใช้ชีวิตที่ประเทศต้นทางด้วยความรู้สึกผิด ล้มเหลว และไร้ที่พึ่ง

การค้าแรงงานที่ปลอมตัวเป็นเทคโนโลยีล้ำยุค
รายงานของ Amnesty ตอกย้ำว่าระบบ COMPOUNDS เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมค้ามนุษย์ยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี โดยใช้แรงงานข้ามชาติเป็นเครื่องมือ และใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เป็นสนามรบ เป้าหมายคือหลอกลวงเงินจากผู้บริสุทธิ์ทั่วโลก ขณะเดียวกันก็ทำลายชีวิตของแรงงานหลายพันคน
รายงานเรียกร้องให้ประเทศกัมพูชาและประเทศต้นทางของแรงงาน ดำเนินมาตรการทั้งในเชิงกฎหมาย การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และการฟื้นฟูเหยื่ออย่างเร่งด่วน เพราะหากปล่อยให้ระบบนี้ดำรงอยู่อย่างไร้การจัดการ ก็ไม่ต่างอะไรจากการอนุญาตให้การค้าทาสยุคใหม่เติบโตขึ้นอย่างเป็นทางการ