คัดลอก URL แล้ว
กัมพูชายัน 4 พื้นที่ ไม่ไปศาลโลก คุย JBC ร้อยปีก็ไม่จบ ไม่ขึ้นศาล คือไม่เคารพกฏหมาย

กัมพูชายัน 4 พื้นที่ ไม่ไปศาลโลก คุย JBC ร้อยปีก็ไม่จบ ไม่ขึ้นศาล คือไม่เคารพกฏหมาย

สรุปประเด็นสำคัญ

เมื่อคืนที่ผ่านมา เฟชบุ้กของสมเด็จฮุน เซนได้เผยแพร่ข้อความเกี่ยวกับการเจรจาเรื่องพรมแดนกับประเทศไทย ผ่าน JBC ที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ โดยอ้างถึงเหตุการที่กัมพูชาลงมติคัดค้านรัสเซียที่รุกรานประเทศยูเครนเมื่อปี พ.ศ. 2565 เนื่องจากคาดว่า ไทยจะโจมตีกัมพูชาเหมือนเมื่อปี 2551 และ 2554 ซึ่งในขณะนี้ได้แสดงความก้าวร้าวออกมาแล้ว

ฮุน เซนยังได้ระบุว่า พื้นที่พิพาททั้ง 4 จุดคือ สามเหลี่ยมมรกต, ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต็จ และปราสาทตากระเบย (หรือปราสาทตาควาย) จะนำขึ้นสู่ศาลโลกเท่านั้น หากพูดคุยในระดับทวิภาค อีก 100 ข้างหน้าก็ไม่สามารถแก้ไขได้

นอกจากนี้ ยังระบุว่า การแก้ปัญหาผ่านกระบวนการทางศาลไม่ใช่การยั่วยุให้เกิดสงคราม แต่เป็นสันติวิธี ซึ่งการเลี่ยงไม่เข้าสู่กระบวนการทางศาลหมายถึงการไม่เคารพกฏหมาย กฏระเบียบของโลกที่ยึดถือ

คำแปลข้อความของสมเด็จฮุน เซน

มาถึงตอนนี้ พี่น้องร่วมชาติและมิตรสหายชาวต่างชาติคงจะเข้าใจแล้วว่า เหตุใดข้าพเจ้าจึงตัดสินใจออกคำสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศและผู้แทนของกัมพูชาที่เข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ลงมติคัดค้านรัสเซียที่รุกรานประเทศยูเครนเมื่อปี พ.ศ. 2565 ซึ่งทำให้หลายประเทศประหลาดใจกับท่าทีของกัมพูชา

ข้าพเจ้าคิดว่า สักวันหนึ่ง ไทยจะกลับมากระทำการเหมือนที่เคยทำในช่วงปี พ.ศ. 2551 ถึง พ.ศ. 2554 อีกครั้ง และบัดนี้ ความแข็งกร้าวและการไม่เคารพกฎหมายก็ได้ปรากฏออกมาแล้ว ดังนั้น จึงสามารถอธิบายถึงแนวคิดของข้าพเจ้าที่มีต่อโลกที่เคารพกฎหมาย และต่ออนาคตของกัมพูชากับประเทศไทยได้ กัมพูชาเรียกร้องให้รัฐทั้งหลายที่ดำเนินนโยบายต่างประเทศโดยยึดหลักกฎหมาย สนับสนุนให้ทั้งสองฝ่ายแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีและเคารพกฎหมาย

ข้อเรียกร้องของกัมพูชาคือ ขอให้รัฐที่เคารพกฎหมาย สนับสนุนให้ฝ่ายไทยเข้าสู่กระบวนการของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ในคดีพิพาทเขตแดนกับกัมพูชาใน 4 ประเด็น ดังนี้

กัมพูชาไม่ได้ร้องขออาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อทำการสู้รบให้เกิดการนองเลือดระหว่างกัมพูชาและไทย แต่กัมพูชาร้องขอให้มีการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีผ่านการเจรจา ทั้งในกรอบทวิภาคีและผ่านกระบวนการทางศาล พรมแดนกัมพูชา-ไทยมีความยาวกว่า 800 กิโลเมตร กัมพูชาหยิบยกมาเพียง 4 จุด ซึ่งเป็นจุดที่ร้อนแรงและละเอียดอ่อน ง่ายต่อการปะทุของการใช้กำลังอาวุธ เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลให้แก้ไขเป็นลำดับแรก ทั้ง 4 จุดที่กล่าวมาข้างต้น ไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกันผ่านกลไกทวิภาคีได้ แม้อีก 100 ปีข้างหน้าก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้น มีเพียงศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เท่านั้นที่สามารถแก้ไขได้

การแก้ไขปัญหาผ่านกระบวนการทางศาลไม่ใช่การยั่วยุให้เกิดสงคราม แต่เป็นการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีตามกฎหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงการนองเลือดในอนาคต สำหรับรัฐบาลเองก็ง่ายที่จะชี้แจงกับประชาชนของตนในกรณีที่แพ้คดีในศาล

ในบรรดาประเทศอาเซียน มีตัวอย่างที่ดีที่อินโดนีเซียและมาเลเซีย, สิงคโปร์และมาเลเซีย ได้นำข้อพิพาทดินแดนเข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) โดยแต่ละฝ่ายต่างเคารพคำตัดสินของศาล ผลลัพธ์คือความสัมพันธ์ระหว่างอินโดนีเซียกับมาเลเซีย และความสัมพันธ์ระหว่างมาเลเซียกับสิงคโปร์ ยังคงดีงามและไม่มีข้อพิพาทสืบต่อไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน

การหลีกเลี่ยงใดๆ ที่จะไม่กล้าเข้าสู่กระบวนการทางศาล มีความหมายเท่ากับการกระทำความผิดและการไม่เคารพกฎหมายในระเบียบโลกที่ยึดถือกฎหมายเป็นสำคัญ

ภายหลังจากสมเด็จ ฮุน เซนได้เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวได้ไม่นาน เฟชบุ้กของฮุน มาเนต ก็มีความเคลื่อนไหว โดยโพสต์ข้อความในทิศทางเดียวกัน โดยยืนยันว่า ในวันพรุ่งนี้ ( 14 มิ.ย.) จะไม่มีการคุยกันในพื้นที่พิพาททั้ง 4 จุดดังกล่าว ซึ่งกัมพูชาจะเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) แม้ว่าไทยจะไม่ยินยอม แต่กัมพูชาจะยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลฯ เพียงฝ่ายเดียว ในวันที่ 15 มิ.ย.

นอกจากนี้ ฮุน มาเนตยังได้ระบุด้วยว่า ปัญหาการปิดพรมแดนก็จะไม่มีการพูดคุยด้วยเช่นกัน เนื่องจากกองทัพไทยเป็นฝ่ายเริ่มปิดด่านก่อน และไม่อยู่ในอำนาจของ JBC ซึ่งกัมพูชาไม่ต้องการสร้างผลกระทบให้กับประชาชนตามแนวชายแดนทั้งกัมพูชาและไทยแต่อย่างใด

คำแปลข้อความของฮุน มาเนต

วันพรุ่งนี้ วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน 2568 คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) กัมพูชา-ไทย จะกลับมาประชุมกันอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้ประชุมมาเป็นเวลา 12 ปี

กัมพูชายังคงร่วมมือกับฝ่ายไทยเพื่อผลักดันการสำรวจ οριο οัล οัล และปักปันเขตแดนระหว่างสองประเทศในส่วนที่ยังคงค้างอยู่ (นอกเหนือจากพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊จ ปราสาทตากระเบย และพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต) โดยใช้กลไกของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC)

ข้าพเจ้าขอเรียนชี้แจงให้พี่น้องร่วมชาติได้ทราบว่า มี 2 ประเด็นที่จะไม่มีการหยิบยกขึ้นมาหารือในการประชุม JBC ในวันพรุ่งนี้ ได้แก่

  1. ปัญหาเขตแดนที่เกี่ยวข้องกับปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊จ ปราสาทตากระเบย และพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต จะไม่ถูกนำมาพิจารณาในการประชุม JBC ครั้งนี้ เนื่องจากกัมพูชาได้ตัดสินใจนำปัญหาเขตแดนในพื้นที่ทั้งสี่แห่งนี้เข้าสู่กระบวนการของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) แล้ว ฝ่ายกัมพูชากำลังรอการยืนยันจุดยืนจากฝ่ายไทยในการประชุม JBC ในวันพรุ่งนี้ว่า ไทยจะเข้าร่วมกับกัมพูชาในการนำปัญหาในพื้นที่ทั้งสี่แห่งนี้ขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศด้วยหรือไม่ ข้าพเจ้าขอเรียนย้ำกับพี่น้องร่วมชาติอีกครั้งว่า แม้ว่าฝ่ายไทยจะไม่ยินยอมหรือไม่ให้คำตอบ กัมพูชาก็จะดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) แต่เพียงฝ่ายเดียวในพื้นที่ทั้งสี่แห่งนี้ โดยกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศจะส่งหนังสืออย่างเป็นทางการไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ที่จะถึงนี้
  2. ปัญหาการปิดพรมแดน ก็จะไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นหัวข้อในการหารือในการประชุม JBC วันพรุ่งนี้เช่นกัน เนื่องจากเรื่องการปิดหรือเปิดจุดผ่านแดนไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ JBC อีกทั้ง ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการปิดจุดผ่านแดนนี้สามารถแก้ไขได้โดยง่าย หากกองทัพไทยซึ่งเป็นฝ่ายเริ่มใช้มาตรการปิดจุดผ่านแดนแต่เพียงฝ่ายเดียวเมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา จะดำเนินการเปิดพรมแดนให้กลับสู่สถานการณ์ปกติแต่เพียงฝ่ายเดียวเช่นกัน กัมพูชาไม่มีความประสงค์ที่จะสร้างปัญหาอันจะส่งผลกระทบต่อการเดินทางหรือการค้าของประชาชนไทยและกัมพูชาตามแนวชายแดน แต่กัมพูชาก็มีความสามารถเพียงพอในการออกมาตรการต่างๆ เพื่อตอบโต้ต่อการคุกคามหรือการกดดันจากภายนอก

ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า กัมพูชาไม่ใช่ผู้ก่อปัญหานี้ ดังนั้น กัมพูชาก็ไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายยุติปัญหานี้ก่อน เรื่องที่เกิดขึ้นโดยฝ่ายเดียว ก็ต้องจบลงโดยฝ่ายเดียว ไม่มีความจำเป็นต้องเจรจาต่อรองกัน ผู้ใดเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ผู้นั้นก็ควรเป็นฝ่ายยุติก่อน ปัญหาก็จะจบลง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง