ชัดเจนแล้วสำหรับการจัดตั้งรัฐบาลของ ‘พรรคเพื่อไทย’ ที่ดึงพรรคร่วมรัฐบาลเดิม มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในสมการด้วย เพื่อหวังดึงเสียงจาก สว. สนับสนุนโหวตนายกรัฐมนตรีรอบที่ 3 ที่จะเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ โดยจะมีการโหวตนายกรัฐมนตรี ขึ้นในวันที่ 22 ส.ค.66
ซึ่งหลังจากประกาศเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทางพรรคเพื่อไทยได้มีการออกข้อสรุปนโยบายต่าง ๆ ที่จะผลักดันให้เกิดขึ้นจริงหลังได้เป็นรัฐบาล ทั้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแก้ไขปัญหาเกษตรกร ปัญหาการท่องเที่ยว ผลักดันการค้าต่างประเทศ การแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 รวมถึงการยกระดับ 30 รักษาทุกโรค ซึ่งเป็นอีก 1 ผลงานที่ทำไว้เมื่อครั้งเป็นพรรคไทยรักไทย
และอีก 1 นโยบายที่ไม่พูดถึงไม่ได้นั้นก็คือ ‘นโยบาย Digital wallet 10,000 บาท’ ที่ถือว่าเป็นนโยบายชูธงของทางพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้ และยังประกาศอีกว่าหากได้เป็นรัฐบาลจะผลักดันให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน
กระแสดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อไทย สู่การร้องตรวจสอบนโยบายพรรค
ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงนโยบายดังกล่าวของพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้ประกาศนโยบายมีก่อนการเลือกตั้ง มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยเสียงในสังคมส่วนใหญ่ไปในทิศทางบวก แต่ก็ยังตั้งข้อสงสัยว่าจะสามารถทำได้จริงหรือไม่
กระทั่งมีการยื่นคำร้องต่อ กกต. โดยมีชื่อผู้ยื่นทั้ง นายสนธิญา สวัสดี นายศรีสุวรรณ จรรยา และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้เช่นกัน เพราะมองว่าเป็นนโยบายที่ไม่สามารถทำได้จริง และเป็นการออกนโยบายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ปี 60 หรือไม่
แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ กกต. ได้รับเรื่องแล้วนั้น และใช้เวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งให้ทางพรรคเพื่อไทยเข้ายื่นเอกสาร และรายละเอียดของนโยบายดังกล่าว จนท้ายที่สุดทาง กกต. ได้ตีตกคำร้องทั้งหมดไป
โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นนโยบายที่พรรคการเมืองใช้หาเสียงเมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้วจึงไม่อยู่ในข่ายฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง จึงมีมติยกคำร้อง
ชะลอนโยบายฯ แต่ไม่ได้ล้ม-พับเก็บ
ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2566 มีกระแสข่าวว่าทางพรรคเพื่อไทยอาจล้มแผน หรือ พับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ซึ่งหลังจากนั้นทางพรรคเพื่อไทยได้ออกมาชี้แจงว่า เป็นชะลอนโยบายออกไป
เนื่องด้วยต้องให้เกียรติกับพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในตอนนั้น คือ พรรคก้าวไกล ซึ่งมีนโยบายด้านสวัสดิการเช่นกัน และไม่สามารถดำเนินควบคู่กันไปได้ เนื่องจากแต่ละนโยบายคือ 2 พรรค นั้น ใช้เม็ดเงินค่อนข้างสูงหลักแสนล้านบาท
อีกทั้งพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จึงจำเป็นต้องให้เกียรติทางพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก่อน
อย่างไรก็ตามหลังจากทางพรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และทางพรรคเพื่อไทยประกาศเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกล ทำให้นโยบายนี้ถูกนำกลับมาสานต่อตามความตั้งใจของพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง
นโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต (Digital wallet) คืออะไร
ทางพรรคเพื่อไทย ได้ขยายความถึง นโยบาย Digital wallet ว่าเป็นนโยบายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องด้วยสถานการณ์ของประเทศไทยในสภาวะปัจจุบันยังไม่พร้อมรับนโยบายต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจก่อน รวมถึงความจำเป็นในการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้ประเทศ เพื่อสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลให้เกิดขึ้น ซึ่งนโยบาย Digital wallet ถือเป็นก้าวแรกในการขับเคลื่อนประเทศ
ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมประเทศและประชาชนให้เข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล โดยมาตรการหลาย ๆ อย่าง ที่จะดำเนินการไปพร้อมกัน พร้อมเล็งสร้างตลาดทุนคู่ขนาน เพื่อดูแลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
อีกทั้งยังเป็นโอกาสสร้างระบบบล็อกเชนช่วยรองรับเงินในโลกยุคใหม่ ที่จะเข้ามามีบทบาทในตลาดการเงิน และประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกที่มีระบบการชำระเงินแบบนี้
นอกจากนี้ทางพรรคเพื่อไทยระบุอีกว่า นโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต จะไม่สร้างปัญหาเงินเฟ้อให้ประเทศ เพราะจากการศึกษาอย่างถี่ถ้วนแล้วพบว่า ปัญหาเงินเฟ้อขณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากเงินเฟ้อภาคอุปสงค์และมีลักษณะที่คลี่คลายลงไปแล้ว
ดังนั้น นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตจะไม่ทำให้เกิดเงินเฟ้ออย่างมีนัยยะสำคัญ และไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางการคลังของประเทศ
เงื่อนไข ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’
เงื่อนไขนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต มี 2 ข้อ คือ
- 1.ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นได้ จะได้เงินดิจิทัล 10,000 บาทผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ตที่จะถูกสร้างโดยรัฐบาลเพื่อไทย
- 2. ใช้จ่ายในรัศมี 4 กิโลเมตร แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามลักษณะภูมิประเทศเพื่อประโยชน์สูงสุด
โดยต้องใช้ภายใน 6 เดือน สามารถใช้จ่ายด้วยบัตรประชาชนผ่านแอปพลิเคชัน แต่หากไม่สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันสามารถใช้เลขบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมโค้ดส่วนตัวได้เช่นกัน
ซึ่งเงินดิจิทัลวอลเล็ตนั้น สามารถจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่จำเป็นในการดำรงชีวิตที่ไม่เกี่ยวข้องกับอบายมุขโดยเฉพาะ ยาเสพติดและการพนัน และไม่สามารถซื้อของบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ โดยร้านค้าสามารถนำเงินดิจิทัลมาแลกเป็นเงินบาทได้กับธนาคารในโครงการในภายหลัง
