เป็นข่าวใหญ่ทางการเมืองที่ทำให้เดือดกันทั้งโซเชียล หลังทางพรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ร่วมแถลงถอดตัวออกจาก 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ส่งผลให้พรรคก้าวไกลต้องไปเป็นฝ่ายค้านอย่างเต็มตัว
เพราะเมื่อโจยท์ใหญ่ในการจัดรัฐบาลในการเลือกตั้งรอบนี้ ‘ก้าวไกล’ เป็นเหตุผลหลักที่ทั้งพรรคขั้วอำนาจเดิม และ สว. ส่วนใหญ่ ไม่เห็นตัว ทั้งตัวของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล รวมถึงนโยบายของพรรคที่ประสงค์จะแก้ไข มาตรา 112 จึงเป็นเหตุให้การโหวตนายกฯ ครั้งที่ 1 คะแนนจึงไม่ถึง 376 เสียง
นอกจากนี้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะ สว. ยังยืนยันหนักแน่นว่าหากพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีพรรคก้าวไกลร่วมด้วยก็จะไม่โหวตให้อยู่ดี นี้จึงอาจเป็นทางออกของพรรคเพื่อไทยที่ดีที่สุดในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งแน่นอนว่ามีกระแสกดดันอย่างหนักที่อาจมีการข้ามขั้วจับมือร่วมจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย
แม้พรรคก้าวไกล จะได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งมาเป็นพรรคอันดับ 1 กว่า 14 ล้านเสียง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะติดเงื่อนไขหลายประการ
พรรคก้าวไกล กับจุดยืนที่หนักแน่น
พรรคก้าวไกล ถือได้ว่าเป็นพรรคของกลุ่มคนรุ่นใหม่ เป็นพรรคที่มีนโยบายชัดเจน ทั้งเรื่องการแก้ มาตรา 112 การรื้อระบบกองทัพ รวมถึงนโยบายในด้านต่าง ๆ และด้วยความชัดเจนกรณี ‘มีลุงไม่มีเรา’ จึงได้ใจด้อมส้มกันเป็นแถว ๆ หักปากกาเซียนคว้าชัยในการเลือกตั้งที่ผ่านมาทั้งการล้มบ้านใหญ่ ล้มฐานเสียงของขั้วอำนาจเดิม
และถึงแม้จะถูกกดดันจาก สว. ถึงเรื่องการแก้ไข มาตรา 112 พรรคก้าวไกลก็ยังยืนหยัดที่จะทำในสิ่งที่พูดไว้กับประชาชนที่ลงคะแนนเสียงให้ แม้ท้ายที่สุดพรรคเพื่อไทยปล่อยมือพรรคก้าวไกล ขอไปเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเองโดยไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในสมการก็ตาม
ด้วยจุดเด่นของพรรคก้าวไกลที่มีอยู่ จึงไม่แปลกเลยที่คะแนนเสียงจึงเทไปทางฝั่งพรรคก้าวไกล และเชื่อว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าอาจได้คะแนนเสียงที่เพิ่มมาขึ้นด้วยเช่นกัน
ท่าทีของ ‘พรรคก้าวไกล’ หลังเพื่อไทยฉีก MOU
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงภายหลังพรรคเพื่อไทยประกาศจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมด้วยว่า พรรคก้าวไกลขอโทษประชาชนที่ไม่สามารถผลักดันการจัดตั้งรัฐบาลที่เคารพเจตจำนงของพี่น้องประชาชนที่ผ่านการเลือกตั้งได้สำเร็จ อย่างที่พรรคเพื่อไทยได้แถลงไว้ว่า จะแยกจากพรรคก้าวไกลไปจัดตั้งรัฐบาลด้วยตนเอง
ซึ่งในการพูดคุยของตัวแทนระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้แจ้งกับพรรคก้าวไกลว่า ต้องการที่จะขอออกจาก MOU ที่เราได้ทำร่วมกัน ทั้ง 2 ฉบับ คือ MOU ของ 8 พรรคร่วม และ MOU ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล
ทั้งนี้ ในการพูดคุยกันกับพรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีการขอให้พรรคก้าวไกลพิจารณาถอยเรื่องการเสนอมาตรา 112 และตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคย มีการเจรจากันเรื่องนี้ พรรคเพื่อไทยให้เหตุผลว่า พรรคการเมืองเกือบทั้งหมดที่พรรคเพื่อไทยไปพูดคุยไม่ต้องการให้พรรคก้าวไกลเข้าร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะมีเรื่อง ม.112 หรือไม่ก็ตาม
และพรรคเพื่อไทยไม่ได้ขอให้พรรคก้าวไกลโหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ เนื่องจากเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละพรรค และในการพูดคุยกันเมื่อเช้านี้ แกนนำของพรรคเพื่อไทยบางคนยังได้แสดงความกังวลใจด้วยซ้ำว่า หากพรรคก้าวไกลจะโหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย อาจจะทำให้ สว. ไม่ไว้วางใจพรรคเพื่อไทยได้ เพราะอาจจะกังวลว่า หากพรรคก้าวไกลไปโหวตให้พรรคเพื่อไทย แต่หลังจากที่เลือกนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว พรรคเพื่อไทยจะดึงพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาลอีก
สุดท้ายพรรคก้าวไกล อยากจะเรียนประชาชนว่า ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดหลังจากนี้ พรรคก้าวไกลจะทำงานในฐานะผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่อย่างดีที่สุด ตามที่เราได้รับความไว้วางใจจะประชนมาจากการเลือกตั้ง เพื่อที่จะผลักดันคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนทุกคน เพื่อที่จะผลักดันให้เกิดระบบเศรษฐกิจ ของประเทศที่เท่าทันโลก และเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เติบโตอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน
วิเคราหะเกมการเมืองหลังจากนี้กับ ‘ชูวิทย์’
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้แสดงความคิดเห็นประเด็นการเมืองหลังจากนี้ โดยระบุว่า เปิดยุทธการ “งูเห่าซ้อนงูเห่า” วันนี้ชัดเจนแล้วว่า เพื่อไทยทิ้งก้าวไกล ถีบหัวเรือส่งให้ลอยทะเล เอาตัวเองขึ้นฝั่ง แล้วโยนความผิดให้กับคนบนเรือ ฉีก MOU ทิ้งด้วยเกม “คนแก่หลอกเด็ก” ว่า ทำให้ทุกอย่างแล้วแต่ไม่ยอมถอย รั้นจะเอาให้ได้
แกล้งทำสัญญาณ “รักกันตลอดไป” รูปหัวใจให้คนเชื่อ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าจะต้องมีวันนี้ แผนลวง “ปิดสวิตซ์ ส.ว.” กลับกลายเป็น “เอาใจ ส.ว.” แทน
พรุ่งนี้ “ดีลลับ” ฟันธงได้อีกว่า เพื่อไทยจะแถลงหรูดูเท่ห์ ไม่เอา “พรรค 2 ลุง” มาร่วมจับขั้ว แต่จับตาดูวันโหวตนายกฯ ใครโหวตให้ก็ได้ร่วมรัฐบาล เพราะวันที่ 4 สิงหาคม เป็นการโหวตเลือกนายกฯ ไม่ได้โหวตพรรคร่วมรัฐบาล
เข้าตำรา “มา ไม่มา ไม่มา มา” พรรคที่ว่าไม่มา จะมาเอาทีหลัง ยุทธการ “งูเห่าซ้อนงูเห่า” ดึงมาร่วมเพิ่มจาก พรรค 2 ลุง ส.ว. รับทราบสัญญาณชัด ไฟเขียวทะลุด่าน ส.ว. 200 อย่างต่ำ
ลุงๆ กระพริบไฟให้สัญญาน ไปก่อนแล้วตามไปทีหลัง พรุ่งนี้แถลงพรรคเพื่อไทย “อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น อย่าฟังในสิ่งที่ได้ยิน” ให้ดูวันโหวตนายกฯ ใครเป็นใคร?
งูเห่าจะชูคอสลอน แต่นายกฯ ที่ได้จะประจักษ์ชัดในใจประชาชน ด้วยข้อมูล “เพื่อชาติ” ส่งท้ายให้สังคมได้เห็นจากผม หลอกกันจนเพลิน ทำสัญลักษณ์รูปหัวใจ หลอกกันไปได้ อย่าเกลียดผมนะครับ ที่รู้ทัน