คัดลอก URL แล้ว
เยอรมนีเผชิญภาวะ “เศรษฐกิจถดถอย” เป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อ

เยอรมนีเผชิญภาวะ “เศรษฐกิจถดถอย” เป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อ

สำนักงานสถิติแห่งชาติ ของเยอรมนีได้รายงานสรุปการเติบโตของเศรษกิจประเทศ โดยพบว่า ในไตรมาสแรกของปี 2566 นี้ มีการหดตัวเล็กน้อย ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขั้นสุดท้ายของเยอรมนี หดตัวลง 0.3% เมื่อเทียบกับในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2565

การหดตัวของ GDP ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องถึง 2 ไตรมาสติดต่อ ทำให้หลายฝ่ายมองว่า เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า เยอรมนีกำลังเผชิญสภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ซึ่งในการประมาณการสภาพเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 นั้น คาดการณ์ว่า ในไตรมาสแรกนี้ เศรษฐกิจของเยอรมนีจะกลับมาดีขึ้น แต่ผลที่เกิดขึ้นกลับไม่เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้

ในขณะที่ ในหลายประเทศสั้นทิศทางของเศรษฐกิจเป็นไปในทิศทางที่ตรงข้าม เช่น ฝรั่งเศส +0.2% อิตาลี +0.5% สำหรับ GDP ในกลุ่มสหภาพยุโรปนั้นรวมเติบโตขึ้น 0.2%

นักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่า เป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีอยู่ที่ 7.2% ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อในกลุ่มสหภาพยุโรปอยู่ที่ 8.1%

ซึ่งราคาสินค้าที่สูงขึ้นสร้างภาระต่อค่าใช้จ่ายในครัวเรือนต่าง ๆ ทำให้หลายครัวเรือนลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้การใช้จ่ายของครัวเรือนนั้นลดลงจากไตรมาสก่อนราว 1.0% ซึ่งเห็นได้จากค่าใช้จ่ายในเรื่องของอาหาร เครื่องดื่ม รองเท้า และเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ มีทิศทางที่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า

ยอดขายรถยนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สำคัญของเยอรมนีก็มีแนวโน้มที่ลดลงเช่นกัน ซึ่งคาดว่า เป็นผลมาจากการยกเลิกเงินอุดหนุนของรัฐบาล

ในขณะที่คำสั่งซื้อของภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มที่ลดลง รวมถึงเงินงบประมาณค่าใช้จ่ายในภาครัฐมีแนวโน้มลดลงเช่นกัน ลงมาอยู่ที่ 4.9%

อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยังมองว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เกิดขึ้นนี้ ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากฤดูหนาวที่ผ่านมาไม่รุนแรงอย่างที่คิดไว้ ช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น ภายหลังการลดการพึ่งพาพลังงานของรัสเซียในช่วงที่ผ่านมา ทางด้านของธนาคารกลางของเยอรมนี ยังคาดว่า เศรษฐกิจของเยอรมนีจะกลับมาเติบโตขึ้นเล็กน้อยในช่วงไตรมาสที่ 2 นี้ จากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรม

ในขณะที่ IMF ยังคงคาดว่า เศรษฐกิจของเยอรมนีจะหดตัวลง 0.1% ในปีนี้ และจะกลับมาพุ่งสูงขึ้นในปี 2024


ที่มา – https://www.destatis.de/EN/Press/2023/05/PE23_203_811.html


ข่าวที่เกี่ยวข้อง