วันที่ 24 ธันวาคม 2567 นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 คาดการณ์การใช้จ่ายของประชาชน ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 25687 ถึง 5 มกราคม 2568 เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวจากไตรมาส 4/2567 ถึงไตรมาส 2/2568 จากสถานการณ์การท่องเที่ยว และโครงการโอนเงินไร่ละ 1,000 บาท รวมถึงโครงการแจกเงิน 10,000 บาทเฟส1 ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีเงินสะพัด 109,313.78 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 3.2% (เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว) จากเดิมปี 2567 การใช้จ่ายอยู่ที่ 105,924.21 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 2.8%
ขณะที่ผลสำรวจสิ่งที่ต้องการได้เป็นของขวัญปีใหม่ จากรัฐบาลมากที่สุด 5 อันดับแรก
- ดูแลค่าครองชีพให้เหมาะสม 31.2%
- สร้างงานสร้างรายได้ 29.6%
- กระตุ้นเศรษฐกิจโดยการส่งเสริมการลงทุน/การท่องเที่ยว/พัฒนาการเกษตร 16.5%
- เพิ่มสวัสดิการสังคมและเพิ่มคุณภาพชีวิต 9.7%
- แก้ไขปัญหาการคอรัปชัน 5.8%
ขณะที่ผลสำรวจเรื่องการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็น 10-15% พบว่า
- ไม่เห็นด้วย 38.4%
- ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง 36.8%
- เฉยๆ 19.4%
- เห็นด้วย 5.1%
- เห็นด้วยอย่างยิ่ง 0.4%
เมื่อถามว่า หากปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจะส่งผลดีต่อประเทศในด้านใดมากที่สุด
- ไม่เห็นประโยชน์ใด 36.9%
- ปรับปรุงโครงสร้างภาษีให้มีประสิทธิภาพ 20.4%
- เพิ่มรายได้ภาครัฐเพื่อการพัฒนาประเทศ 19.8%
- เพิ่มงบประมาณด้านสวัสดิการสังคม 15.7%
- ลดการขาดดุลงบประมาณ 7.2%
“หอการค้าไทย” ชี้ ปรับค่าจ้างขั้นต่ำ นายจ้างยอมรับได้
ส่วนเรื่องการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ที่จะมีผล 1 มกราคม 2568 นั้น นายธนวรรธน์ ระบุว่า การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ในระยะเวลาที่เหมาะสม จะส่งผลให้แรงงานไทยได้ประโยชน์ราว 3.7 ล้านคน แต่เมื่อรวมทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวได้ประโยชน์ราว 9 ล้านคน หรือ เฉลี่ย 10 บาทต่อวัน ดังนั้น จึงคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับต้นของผู้ผลิตไม่มากนัก อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ จากเดิมที่คาดการณ์ว่าหากปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศจะทำให้ราคาสินค้า 10-20% ซึ่งอาจจะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อ ปี 2568 เพิ่มขึ้น 1.2-15%
ขณะที่การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2568 จะส่งผลให้การลงทุนของต่างชาติอาจจะชะลง และเทคโนโลยี AI เข้ามาแทนที่แรงงานคนเร็วขึ้น
ส่วนมาตรการ Easy e-Receipt คาดว่าจะส่งผลต่อผู้เสียภาษี 1,000,000 คน จากฐานภาษี 4,000,000 คน คาดว่าจะมีเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจ 45 วันของโครงการ 30,000 – 50,000 ล้านบาท และคาดว่าจะส่งผลต่อ GDP ปี 2568 0.2-0.3%
เมื่อประเมินผลทั้ง 2 มาตรการ ทั้งการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ และ Easy e-Receiptจะทำให้ GDP ปี 2568 เพิ่มขึ้น 0.4-0.5%