KEY :
- หลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในจีนที่มีผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก จากการผ่อนคลายมาตรการในประเทศ และจะมีการเปิดประเทศให้เดินทางในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
- สถานการณ์ในจีน ผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น เกิดจากมาตรการที่ผ่านมาที่เน้นล็อกดาวน์ ปิดพื้นที่ ส่งผลให้ระดับภูมิคุ้มกันหมู่ของจีนมีต่ำกว่าในประเทศที่ผ่อนคลายก่อนหน้านี้
- เชื้อโควิด-19 ที่พบในจีนในขณะนี้ เป็นเชื้อที่เคยมีพบในประเทศอื่นมาก่อนหน้า รวมถึงไทยด้วย ส่งผลให้ประเทศที่มีการระบาดของเชื้อสายพันธุ์เหล่านี้ มีระดับ “ภูมิคุ้มกันหมู่แบบผสม” มากกว่า ในประเทศจีน
- การเตรียมพร้อมรับมือสำหรับคนไทย จึงเน้นมาตรการเดิมที่เคยทำผ่านมา เช่น การสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง ล้างมือ หรือการเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น
…
กระแสของการเปิดประเทศของจีนท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ที่กำลังมียอดผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในจีน และเป็นข่าวดังไปทั่วโลกในขณะนี้ สร้างความกังวลใจให้กับหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยและคนไทยจำนวนมาก ต่อการระบาดที่อาจจะเกิดขึ้น และความกังวลดังกล่าว นำมาสู้ประเด็นข้อสงสัย ต่าง ๆ มากมายบนโลกออนไลน์ ตลอดจนถึงการปฏิบัติตัวกับการรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ภายหลังจากการเปิดประเทศ และนักท่องเที่ยวจีนจำนวนมาก มีเป้าหมายที่จะเดินททางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยด้วย
…
ทำความเข้าใจสถานการณ์ในจีน
สำหรับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศที่จีนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ สิ่งแรก ๆ ที่ต้องเข้าใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนคือ ในช่วงที่ผ่านมานั้น จีนใช้มาตรการที่เข้มงวดในการจัดการโควิด-19 อย่าง การล็อกดาวน์ ในการควบคุมการระบาดมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงแรกของการระบาด
มาตรการดังกล่าว ช่วยให้จีนสามารถควบคุมการระบาดของโรคให้อยู่ในวงจำกัดได้ดี ส่งผลให้อัตราการป่วย และเสียชีวิตต่ำกว่าในหลายประเทศทางฝั่งตะวันตก ควบคู่กับการผ่อนคลายในบางมาตรการ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าไปได้
อย่างไรก็ตาม แรงกดดันที่เกิดขึ้น ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เมื่อมีการระบาดที่เพิ่มมากขึ้น และการล็อกดาวน์กลับมาถูกใช้อย่างเข้มงวดมากขึ้น จึงทำให้เกิดกระแสการประท้วงที่ลุกลามมากขึ้น ในประเทศจีน ซึ่งเป็นผลมาจากการกระทบต่อการใช้ชีวิต และรายได้ของประชาชน
และเมื่อมีการปลดล็อกมาตรการล็อกดาวน์ และผ่อนคลายมาตรการที่เกิดขึ้น ในช่วงเวลาที่มีการระบาดค่อนข้างสูง จึงส่งผลกระทบให้อัตราการแพร่ระบาดเกิดขึ้นในจีนอย่างรวดเร็ว เสมือนกับลูกโป่งที่แตกออกมาจากแรงกดดันภายใน
…
ภูมิคุ้มกันหมู่แตกต่างกัน
ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา จีนใช้มาตรการที่เข้มงวด ควบคู่กับการฉีดวัคซีนต้องกันโควิด-19 ที่ผลิตขึ้นเองในประเทศ โดยเป็นวัคซีนในกลุ่มเชื้อตาย ซึ่งต้องยอมรับกันว่า ประสิทธิผลของวัคซีนเชื้อตายนั้น เป็นวัคซีนชนิดดั้งเดิมที่ใช้กันมานาน เช่นเดียวกับวัคซีนของโรคอีกหลายชนิดที่มีใช้กันอยู่ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้
แต่เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพของวัคซีนในกลุ่ม mRNA ที่สูงกว่า แม้ว่า ทั้งวัคซีนชนิดเชื้อตาย กับ mRNA จะสามารถลดอัตราการป่วยหนัก และเสียชีวิตได้เช่นเดียวกันก็ตาม แต่จากผลงานวิจัยต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา วัคซีนในกลุ่ม mRNA สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงกว่า ส่งผลให้การป้องกันในระยะยาวได้ผลดีกว่า ลดการป่วยหนัก และเสียชีวิตได้มากกว่า
นอกจากนี้ หลายประเทศได้มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดมาก่อนหน้านี้ ส่งผลให้มีผู้ที่มีภูมิคุ้มกันหมู่เป็นจำนวนมาก ทั้งจากการได้รับวัคซีน และการติดเชื้อโควิด-19 โดยตรง มากกว่า ประเทศจีน ดังนั้นจึงทำให้อัตราการติดเชื้อในจีนเกิดขึ้นได้ในวงกว้างกว่า
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เราเห็นตัวเลขของการติดเชื้อเป็นจำนวนมากนั้น มาจากจำนวนประชากรของจีนที่มากที่สุดในโลก ดังนั้นในอัตราการติดเชื้อในเปอร์เซนต์ที่เท่ากัน จีนจึงจะมีผู้ติดเชื้อสูงกว่าประเทศอื่น ๆ
ในขณะที่อินเดียที่มีประชากรจำนวนใกล้เคียงกัน ก็เคยมีการระบาดหนักไปแล้วก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันหมู่ที่สูงกว่า จึงทำให้สถานการณ์ในอินเดียไม่ระบาดหนักเหมือนจีน
นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่มีอาการหนักในประเทศจีนในขณะนี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19
…
เชื้อโควิด-19 ในจีน
ท่ามกลางกระแสของการระบาดที่เกิดขึ้น มีรายงานการพบสายพันธุ์ต่าง ๆ มากมาย รวมถึงในจีนที่มีรายงานการพบสายพันธุ์ย่อยต่าง ๆ ออกมา โดยในขณะนี้ในจีนมีการพบการระบาดอยู่ทั้งหมด 13 สายพันธุ์หลัก ๆ
แต่ทั้งหมดนี้ เป็นสายพันธุ์ที่พบการระบาดในประเทศอื่น ๆ มาก่อนแล้ว การพบเชื้อสายพันธุ์ต่าง ๆ ในประเทศจีน จึงเป็นการพบที่ “ตามหลัง” ประเทศอื่น ๆ ที่มีการผ่อนคลายมาตรการไปก่อนหน้านี้
ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ระดับของภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศอื่น ๆ ที่มีการผ่อนคลายมีลักษณะเป็น “ภูมิคุ้มกันหมู่แบบผสม” ที่อยู่ในระดับที่ “สูงกว่าจีน”
และนอกจากนี้ สายพันธุ์ที่พบมากในจีนในขณะนี้อย่าง สายพันธุ์ BA.5.2 ก็เป็นสายพันธุ์เคยพบในประเทศไทยต้องแต่ช่วงเดือน มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมาและขึ้นเป็นสายพันธุ์หลักที่พบในประเทศตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565
ส่วนสายพันธุ์ BF.7 ที่พบการระบาดสูงเป็นอันดับ 2 ในประเทศจีนนั้นก็มีรายงานการพบในประเทศไทยมาก่อนแล้วเช่นกัน ซึ่งในประเทศไทยในขณะนี้ พบว่า สายพันธุ์หลักของการระบาดคือ BA.2.75
ดังนั้น การที่เชื้อโควิด-19 ในสายพันธุ์ BA.5.2 และ BF.7 จากจีนจะส่งผลให้เข้ามาระบาดเพิ่มมากขึ้น จนแทนที่สายพันธุ์ BA.2.75 ที่ระบาดในไทยขณะนี้ จึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหากพูดง่าย ๆ คือ “ไทยเคยเจอมาก่อนแล้ว”
…
แล้วต้องเตรียมตัวอย่างไร
จากสถานการณ์ในจีนที่เกิดขึ้น จะเห็นว่า ที่ผ่านมามาตรการการป้องกันโควิด-19 ที่เข้มงวดในจีนนั้น ส่งผลให้สถานการณ์ในประเทศจีน เสมือนจะเกิดขึ้นตามหลังประเทศอื่น ๆ ที่มีการผ่อนคลายมาตรการมาก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งในแง่ของระดับภูมิคุ้มกันหมู่แบบผสม และสายพันธุ์ของโควิด-19
หรือพูดง่าย ๆ คือ “ประเทศอื่นรวมถึงไทย ผ่านมาก่อนแล้ว” นั่นเอง
ดังนั้น สิ่งที่คนไทยควรเตรียมพร้อมในการรับมือ จึงไม่ต่างจากสิ่งที่เราเคยทำกันมาในช่วงก่อนหน้านี้ เช่น
- การสวมหน้ากากอนามัย
- การเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น
- การรักษาระยะห่าง
- การล้างมือบ่อย
และมาตรการอื่น ๆ ที่เคยทำมา เพียงแต่ยกระดับการป้องกันให้เข้มงวดขึ้นกว่าเดิมอีกสักหน่อย เมื่อเทียบกับสถานการณ์ในช่วงเดือน ธ.ค. 65 ที่ผ่านมา
…
ประเทศที่มีการยกระดับผู้เดินทางจากจีน
จากการระบาดที่เกิดขึ้น หลายประเทศได้มีการยกระดับมาตรการป้องกันโควิด-19 เพิ่มขึ้น โดยระบุว่า เป็นการป้องกันการระบาดของโควิด-19 ไม่ให้เกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งในขณะนี้มีด้วยกันหลายประเทศ คือ
สหรัฐฯ – กำหนดให้ผู้ที่เดินทางจากจีน, มาเก๊า และฮ่องกง จะต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อเป็นลบ ในช่วง 48 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง โดยจะต้องเป็นผลการตรวจ PCR หรือชุดตรวจ ATK ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานควบคุมโรคของสหรัฐฯ หรือเอกสารยืนยันว่า เป็นผู้ที่หายป่วยจากโควิด-19 ไม่เกิน 90 วัน ซึ่งมาตรการนี้ จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. เป็นต้นไป
ฝรั่งเศส – กำหนดให้แสดงผลการตรวจหาเชื้อด้วย PCR เป็นลบไม่เกิน 48 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.
อิตาลี – ให้ผู้ที่เดินทางจากจีนต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นลบก่อนการเดินทาง
สเปน – ผู้ที่เดินทางจากจีนจะต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อเป็นลบ หรือ หลักฐานการฉีดวัคซีนที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (รวมถึงวัคซีนของ Sinovac และ Sinopharm ด้วย)
ออสเตรเลีย – ผู้ที่เดินทางจากจีน ฮ่องกง และมาเก๊า ต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นลบก่อนการเดินทาง
แคนาดา – แสดงผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นลบ ก่อนการเดินทาง 48 ชั่วโมง
สหราชอาณาจักร – แสดงผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นลง ก่อนขึ้นเครื่อง เริ่มตั้งแต่ 5 ม.ค. เป็นต้นไป
อิสราเอล – กำหนดให้มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศที่มาจากประเทศจีน โดยมีการจัดตั้งศูนย์ตรวจผู้โดยสารขาเข้า
ญี่ปุ่น – ตรวจผู้ที่เดินทางมาจากจีน จะมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 หากผลเป็นบวกจะมีการกักตัวเป็นเวลา 7 วัน รวมถึงมีแนวทางในการจำกัดจำนวนเที่ยวบินจากจีนมายังโตเกียวด้วย
เกาหลีใต้ – ผู้ที่เดินทางมาจากจีน จะต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อทั้งก่อนการเดินทาง และหลังเดินทางมาถึง โดยยกเว้นกรณีผู้ที่เดินทางมาจากฮ่องกง และมาเก๊า
อินเดีย – ให้ผู้ที่เดินทางจากจีน สิงคโปร์ ฮ่องกง เกาหลีใต้ ไทย และญี่ปุ่น จะต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อเป็นลบ ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง
โมร็อกโก – ห้ามผู้ที่เดินทางจากประเทศจีน (ทุกสัญชาติ) เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่ 3 ม.ค. เป็นต้นไป
มาเลเซีย – จะมีการตรวจคัดกรอง (วัดไข้) ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศทั้งหมดจากทุกประเทศรวมถึงจีนด้วย
แม้ว่า หลายประเทศจะมีการยกระดับมาตรการเพิ่มขึ้น แต่ก็มีอีกหลายประเทศที่ยังคงไม่เปลี่ยนนโยบายหรือมาตรการในการเดินทางจากจีน เช่น นิวซีแลนด์ ประกาศว่า จะไม่ยกระดับมาตรการการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในผู้ที่เดินทางจากจีน โดยระบุว่า ภายหลังจากการประเมินสถานการณ์แล้ว ผู้ที่เดินทางมาจากจีน “ไม่มีนัยยะสำคัญต่อจำนวนผู้ป่วยในประเทศ”
…
FAQ. – จีนเปิดประเทศ
Q : ทำไมในจีนถึงระบาดเยอะ
A : เนื่องจากที่ผ่านมาทางการจีนเน้นการควบคุมโดยการล็อกดาวน์ ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันหมู่ของชาวจีนมีน้อยกว่า เมื่อมีการระบาดของเชื้อสายพันธุ์กลายพันธุ์ใหม่ ๆ เกิดการระบาดได้มากขึ้น และการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ท่ามกลางการระบาดสูง จึงทำให้มีการแพร่กระจายเชื้อในวงกว้าง
Q : วัคซีนชนิดเชื้อตายสู้วัคซีน mRNA ไม่ได้ใช่ไหม?
A : วัคซีนทุกชนิดในขณะนี้ ยังคงมีประสิทธิภาพการลดโอกาสของการป่วยหนักและเสียชีวิตได้เช่นเดียวกัน และผู้ได้รับวัคซีนแล้ว ยังคงมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาผลการทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนในกลุ่ม mRNA นั้นมีประสิทธิภาพสูงกว่า วัคซีนเชื้อตาย สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงกว่า และนานกว่า
Q : เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ต่าง ๆ ในจีนจะระบาดหนักในไทยหรือไม่
A : เป็นไปได้ยาก เพราะเชื้อสายพันธุ์หลักที่ระบาดในจีนนั้น “เคยพบในประเทศไทยมาก่อน” ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา และสายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ในประเทศไทยในขณะนี้ มีความสามารถในการแพร่กระจายได้ดีกว่า จึงยากที่กลับมากลายเป็นสายพันธุ์หลักอีกครั้ง
Q : ภูมิคุ้มกันหมู่แบบผสมคืออะไร
A : การเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ คือการที่ประชากรในประเทศนั้น มีภูมิคุ้มกันจากโรค ซึ่งได้รับจากการฉีดวัคซีน รวมถึงการติดเชื้อโดยตรง และมีจำนวนมากพอที่จะสร้างป้องกันโรคระบาดได้
ภูมิคุ้มกันหมู่แบบผสมคือ การที่ประชากรมีภูมิคุ้มกันหมู่จากเชื้อโรคในหลาย ๆ สายพันธุ์ร่วมกัน ซึ่งจะทำให้สามารถรับมือกับการระบาดในสายพันธุ์ย่อยต่าง ๆ ได้ดีกว่า
Q : ทำไมจีนมีภูมิคุ้มกันหมู่แบบผสมต่ำกว่า?
A : สาเหตุมาจากมาตรการในการปิดประเทศ การล็อกดาวน์ ส่งผลให้เชื้อสายพันธุ์ต่าง ๆ ถูกจำกัดวงการแพร่ระบาด ซึ่งแม้ว่า จะสามารถควบคุมการระบาดได้ดี แต่ส่งผลให้ ประชาชนมีภูมิคุ้มกัน ในจำนวนสายพันธุ์ที่หลากหลายน้อยกว่า ประเทศที่ผ่อนคลาย
นอกจากนี้ เชื้อโควิด-19 ในสายพันธุ์ย่อยต่าง ๆ ที่พบในจีนในขณะนี้ ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่พบในประเทศอื่น ๆ มาก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นในสหรัฐฯ ยุโรป อินเดีย หรือแม้แต่ไทย
ดังนั้นหากจะพูดสรุปง่าย ๆ คือ ประเทศอื่นพบเชื้อไปแล้ว ระบาดไปแล้ว มีภูมิคุ้มกันไปแล้วนั่นเอง
Q : การมีภูมิคุ้มกันหมู่แบบผสม ดีกว่ายังไง?
A : หากพื้นที่หนึ่งมีภูมิคุ้มกันหมู่จากเชื้อสายพันธุ์หนึ่ง ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่มีระดับภูมิคุ้มกันที่รู้จักเชื้อในสายพันธุ์เดียวกันเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเผชิญกับเชื้อสายพันธุ์ย่อยที่แตกต่างไป ทำให้มีโอกาสในการติดเชื้อและกระจายต่อเนื่องได้มากกว่า เช่นเดียวกันสิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้เชื้อกระจายได้เร็ว
ในขณะที่การที่ประชาชนในพื้นที่มีภูมิคุ้มกันหมู่แบบผสม ที่เกิดจากเชื้อหลายสายพันธุ์ จะส่งผลให้แม้มีการระบาดเกิดขึ้น แต่จะไม่แพร่กระจายในวงกว้าง เนื่องจากประชาชนบางส่วนมีภูมิคุ้มกันสายพันธุ์นั้นอยู่ก่อนแล้ว
Q : ทำไมหลายประเทศเลือกยกระดับตรวจผู้เดินทางจากจีน
A : ผู้เชี่ยวชาญหลายคน รวมถึง ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งยุโรป หรือ ECDC ระบุว่า มาตรการเข้มงวดผู้ที่เดินทางมาจากประเทศจีนนั้นไม่ยุติธรรม เพราะเชื้อที่พบในจีน มีการระบาดในประเทศอื่นมาก่อน, จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ในหลายประเทศก็ยังคงสูงอยู่ ดังนั้นมาตรการที่เกิดขึ้นจึงไม่ได้มีนัยยะสำคัญในการป้องการการระบาดมากนัก บางรายตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศ
เพิ่มเติม – ECDC ระบุ คัดกรองผู้เดินทางจากจีนไม่ยุติธรรม
Q : คนไทยควรเตรียมพร้อมอย่างไร
A : มาตรการต่าง ๆ ที่ใช้กันในช่วงที่ผ่านมายังคงใช้ป้องกันได้เช่นเดิม ดังนั้นสำหรับผู้ที่สวมหน้ากากอนามัย เลี่ยงพื้นที่เสี่ยง รักษาระยะห่าง สิ่งเหล่านี้เพียงพอต่อการป้องกันตัว
สำหรับในผู้ที่ไปในสถานที่เสี่ยง พื้นที่ปิดทึบ เช่น ผับ บาร์ คาราโอเกะ แนะนำให้ลด เลี่ยง