ประเด็นน่าสนใจ
- ที่มาของลูกเห็บตกจนขาวโพลนคล้ายกับหิมะในระยะนี้จากอิทธิพลของคลื่อนกระแสลมฝ่ายตะวันตก
- ลูกเห็บจัดเป็น “หยาดน้ำฟ้าประเภทหนึ่ง” เช่นเดียวกับ หิมะ และฝน
- แต่สภาพอากาศ กระแสลม ทำให้เกิดความต่างของทั้ง 3 สิ่งนี้
- และแม้ว่าจะเป็นหยาดน้ำฟ้าเหมือนกัน แต่การเกิดหิมะในประเทศไทยนั้นมีความเป็นไปได้ “น้อยมาก”
…
ในช่วง 1-2 วันนี้ ปรากฎการณ์ลูกเห็บตกในหลายพื้นที่ที่เกิดขึ้นในบริเวณภาคเหนือของไทย จนกลายเป็นกระแสข่าวฮือฮาขึ้นมา จากการที่ลูกเห็บจำนวนมากได้ตกลงมาในพื้นที่จังหวัดพะเยา เต็มพื้นที่ เต็มถนน จนคล้ายกับภาพรายงานข่าวหิมะตกในต่างประเทศที่เคยมีการนำเสนอผ่านสื่อฯ
![](https://mthai.com/app/uploads/2022/01/272213767_10216551383815930_3655924922792551701_n-1024x576.jpg)
ซึ่งปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในประเทศไทย ที่จะได้เห็นภาพในลักษณะนี้ แต่ไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งเคยมีภาพข่าวที่รายงานเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันนี้ เช่นเมื่อปี พ.ค. 2498 ที่มีลูกเห็บตกเป็นจำนวนมาก ลงมาเต็มพื้นที่คล้ายหิมะเช่นกัน โดยในครั้งนั้น เกิดขึ้นที่พื้นที่จังหวัดเชียงราย และเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม เช่นกัน
![](https://mthai.com/app/uploads/2022/01/snowcj0.jpg)
รู้จักไหม? “หยาดน้ำฟ้า”
ปรากฎการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากการระเหยของน้ำ กลายเป็นเมฆ และกลายเป็นฝน เป็นสิ่งที่หลายคนคุ้นเคยกันดี ในการเรียนรู้ตั้งแต่สมัยประถมศึกษาที่ผ่านมา
“หยาดน้ำฟ้า” หรือ precipitation เป็นชื่อเรียกปรากฎการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นบนโลกของเรานี้ ที่ไอน้ำควบแน่นจนกลายเป็นน้ำ หรือ น้ำแข็งตกลงมา โดยไม่ระเหยหายกลับ หรือมีสภาพเป็นไอ
![](https://mthai.com/app/uploads/2022/01/rain-formation-1.png)
ทั้งละอองฝน ฝน หิมะ ลูกเห็บ จะถือเป็น “หยาดน้ำฟ้า” หรือ precipitation ซึ่งเป็นผลที่ได้จากการควบแน่นของไอน้ำในบรรยากาศ นอกจากนี้ ยังมีที่เรายังไม่คุ้นเคยอีกหลายอย่างเช่น ฝนน้ำแข็ง (Sleet), เม็ดหิมะ หรือ ลูกปรายหิมะ (graupel) ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์เดียวกันแต่มีปัจจัยที่ทำให้แตกต่างกัน
![](https://mthai.com/app/uploads/2022/01/frozenprecip.jpg)
(ภาพ – NOAA)
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มีปัจจัยแตกต่างที่จะทำให้เกิดผลที่ต่างกันทั้งหมดนี้ประกอบไปด้วยเรื่องของ กระแสลม และอุณหภูมิในอากาศที่ส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
การเกิดลูกเห็บ
ลูกเห็บเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และพบเห็นได้ในช่วงฤดูร้อนเป็นส่วนใหญ่ มีสภาพอากาศที่แปรปรวน กระแสลมแรง โดยการลูกเห็บนั้น จะเริ่มต้นคล้ายกับการเกิดฝนตกทั่วไป
แต่ด้วยสถาพอากาศร้อน กระแสลมแรง ทำให้แรงลมพัดเอาเม็ดฝนลอยจึงพัดพาเอาเม็ดฝนลอยสูงขึ้นไป ในชั้นด้านบนที่เย็นและทำให้เม็ดฝนกลายเป็นเม็ดน้ำแข็ง และหล่นลงมาด้านล่าง
ซึ่งกระแสลมอาจจะพัดวนขึ้นลง ซ้ำ ๆ แบบนี้อยู่หลายรอบ ทำให้เม็ดน้ำแข็งได้รับความชื้นมากขึ้น และเย็นกลายเป็นน้ำแข็งเพิ่มขึ้น ทำให้เม็ดน้ำแข็งหรือลูกเห็บเหล่านี้ มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นได้นั่นเอง
![](https://mthai.com/app/uploads/2022/01/hail-formation-2.png)
ซึ่งประเทศไทยจะพบบ่อยในช่วงฤดูร้อน เนื่องจากสภาพอากาศชื้น เนื่องลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะพัดพาอากาศชื้นจากทะเลเข้ามา
แต่ในช่วงของฤดูหนาวจะเกิดได้ยากกว่า เนื่องจากกระแสลมมรสุมที่พัดในช่วงฤดูหนาวจะเป็นมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ หรือที่หลายคนคุ้นเคยกับคำว่า “ลมหนาว” หรือ “มวลอากาศเย็น” จากประเทศจีน ที่พัดลงมา โดยจะเป็นอากาศเย็น และแห้ง
การเกิดหิมะ
เมื่อไอน้ำระเหยขึ้นไปลอยอยู่ในอากาศ ไอน้ำที่มีความเย็นเหล่านั้น ลอยขึ้นไปเจอกับสภาพอากาศเย็น ทำให้ไอน้ำแข็งตัวกลายเป็นเกล็ดหิมะเลยโดยตรง และร่วงลงสู่พื้นด้านล่าง
ดังนั้นการจะเกิดหิมะได้นั้น สภาพอากาศโดยรวมบริเวณพื้นล่างก็จะมีสภาพอากาศเย็นที่ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ซึ่งในกรณีของการของการเกิดหิมะตกในทะเลทรายซาฮาราก็เช่นกัน แม้ว่าในช่วงกลางวันจะร้อน แต่ในช่วงกลางคืนของทะเลทรายจะมีอุณหภูมิที่ต่ำ ซึ่งอาจจะต่ำได้ถึงในระดับติดลบ และเมื่อมีไอน้ำมากพอ ก็จะทำให้เกิดหิมะตกได้
![](https://mthai.com/app/uploads/2022/01/snow-formation-1.png)
ในกรณีของประเทศไทย หากจะเกิดหิมะตกขึ้นได้ ก็ต้องเผชิญสภาพอากาศบนพื้นล่างในระดับที่ต่ำกว่า 0 ต่อเนื่อง และมีความชื้นในอากาศที่มากพอ แต่ด้วยสภาพของประเทศไทย แม้ว่า จะมีอากาศเย็น แต่ก็มีความชื้นไม่มากพอ แต่เมื่อมีความชื้นมากพอ อากาศก็ไม่เย็นพอ ดังนั้นจึงเปิดหิมะตกได้ยาก
การเกิดฝนน้ำแข็ง
การเกิดฝนน้ำแข็ง หรือ ฝนหิมะ ซึ่งอาจจะมีหลายชื่อเรียกในภาไทย แต่ในภาษาอังกฤษคือ Sleet โดยปรากฎการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อไอน้ำในอากาศเกิดเป็นเกล็ดหิมะ และร่วงหล่นลงมาเจอกับชั้นอากาศอุ่นกว่า ทำให้เปลี่ยนสถานะกลายเป็นหยดน้ำ หรือ เม็ดฝน
แต่กลับมาเจอชั้นอากาศที่เย็นกว่าก็อย่างรวดเร็ว ทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง ที่มีลักษณะเป็นเม็ด ๆ อีกครั้งหนึ่ง มีขนาดกลม มน ไม่ใหญ่มากนัก
![](https://mthai.com/app/uploads/2022/01/sleet-formation.png)
ยังมีอีกปรากฎการณ์หนึ่งคือ ฝนเยือกแข็ง หรือ Freezing Rain โดยปรากฎการนี้จะคล้ายกับการเกิดฝนหิมะ – ฝนน้ำแข็ง แต่สภาพอากาศนั้นมีความเย็นไม่มากพอที่จะทำให้น้ำกลายสภาพเป็นหยดน้ำแข็งได้ มีเพียงน้ำฝนที่อยู่ในสภาพเย็นจัด และเมื่อตกลงสู่พื้นที่มีอากาศเย็นต่ำกว่า 0 องศาฯ จึงกลายเป็นน้ำแข็งในภายหลัง
![](https://mthai.com/app/uploads/2022/01/branches-ge7efe33dc_1280-1024x682.jpg)
จึงกลายเป็นน้ำแข็งอีกครั้ง
ลูกเห็บตกได้ในเดือนนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลก
จากกรณีของการเกิดลูกเห็บตกในพื้นที่ภาคเหนือในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมานี้ ทำให้หลายคนไม่คุ้นกับการเกิดลูกเห็บตกในช่วงฤดูหนาว อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้ และเคยเกิดขึ้นมาแล้ว
ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเมื่อกระแสลมตะวันตกเข้ามามีอิทธิพลต่อประเทศไทย ไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ใช่เรื่องของอาเพศ หรือลางร้ายแต่อย่างใด เป็นเพียงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงเท่านั้น และมีโอกาสเกิดขึ้นได้ เป็นระยะ ๆ มากบ้างน้อยบ้างเท่านั้นเอง
![](https://mthai.com/app/uploads/2022/01/cats-28.jpg)
หากเราย้อนไปในช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ก็จะได้สัมผัสอากาศหนาว โดยเฉพาะในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเกิดจากการที่ลมหนาวจากจีน พัดลงมา (เรียกอย่างเป็นทางการคือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ)
ซึ่งหากกระแสลมมรสุมมีกำลังแรง ก็จะทำให้เกิดอากาศหนาวได้มากขึ้นนั่นเอง แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อใดก็ตาม หากกระแสลมตะวันออกเฉียงเหนือนี้ อ่อนกำลงลง กระแสลมฝ่ายตะวันตก ก็จะเข้ามามีบทบาทกับสภาพอากาศในประเทศไทย
กระแสลมฝ่ายตะวันจะพัดมาจากทางประเทศอินเดีย เข้าทางประเทศเมียนมา ซึ่งจากแผนที่อากาศในขณะนี้ จะเห็นว่า กระแสลมตะวันตก ได้พัดเข้ามาจากทางฝั่งประเทศเมียนมา
![](https://mthai.com/app/uploads/2022/01/2022-01-21_07_UpperWind850-1024x796.jpg)
กระแสลมฝ่ายตะวันตกนี้ เมื่อเข้ามามีอิทธิพลในประเทศไทยแล้ว มักจะก่อให้เกิด ฝนตกชุกเพิ่มขึ้นในพื้นที่ทางด้านรับมรสุม มีพายุฝนฟ้าคะนอง และอาจจะเกิดลูกเห็บตกได้ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ปะทะกับมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนที่แผ่ลงมา ซึ่งก็จะเป็นแนวพื้นที่ภาคเหนือในขณะนี้
และคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกนี้ มักจะมาพร้อมกับกระแสลมกรด (Jet Sream) จะมีความเร็ว 50-300 ไมล์ต่อชั่วโมง โดยมีความเร็วลมสูงสุดบริเวณแกนกลาง
ซึ่งกระแสลมกรดนี้ จะมีความแปรปรวนค่อนข้างมาก จึงเป็นสาเหตุให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง โดยมีความรุนแรงแตกต่างกันไปตามบริเวณที่เกิดขึ้นและปัจจัยด้านสภาพอากาศ
ในขณะนี้ ประเทศไทย มีคลื่นกระแสลมตะวันตกที่พักเข้ามาปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน และคาดว่าจะมีผลทำให้เกิดฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง รวมถึงมีลูกเห็บตกบางแห่ง ไปจนถึงช่วงวันที่ 23 ม.ค. 2565 นี้
![](https://mthai.com/app/uploads/2022/01/123.jpg)