
DeepSeek บริษัทสตาร์ทอัพจีน เปิดตัวโมเดล AI “DeepSeek-R1” ที่เทียบเท่าคู่แข่งในตลาด แต่ราคาต่ำกว่าถึงสิบเท่า สร้างแรงสั่นสะเทือนวงการ AI ทั่วโลก
DeepSeek พลิกเกมตลาด AI โลก
DeepSeek บริษัทสตาร์ทอัพจากหางโจว ประเทศจีน กลายเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง หลังการเปิดตัว DeepSeek-R1 โมเดล AI รุ่นใหม่ที่โดดเด่นทั้งด้านประสิทธิภาพและต้นทุนการใช้งานที่ต่ำที่สุดในตลาด AI นานาชาติ ด้วยราคาบริการที่ถูกกว่าคู่แข่งในสหรัฐถึงสิบเท่า DeepSeek-R1 จึงกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของยักษ์ใหญ่ AI อย่าง OpenAI และ Google ในทันที
DeepSeek: ผู้ท้าชิงในโลก AI
DeepSeek ก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2023 โดย เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) ผู้เชี่ยวชาญด้าน Hedge Fund และ AI ของจีน บริษัทได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก High-Flyer ซึ่งเป็น Hedge Fund ที่เขาก่อตั้งเอง ความสำเร็จของ DeepSeek มาจากทีมงานที่ถูกคัดเลือกจากมหาวิทยาลัยระดับหัวกะทิในจีน โดยเน้นคนรุ่นใหม่ที่มีทักษะสูงและมุมมองสร้างสรรค์
DeepSeek-R1: โมเดลที่เขย่าตลาด AI
DeepSeek-R1 เปิดตัวในเดือนมกราคม 2025 โดยมุ่งเน้นที่ความสามารถในการวิเคราะห์เชิงเหตุผลและการแก้ปัญหาซับซ้อน โมเดลนี้ใช้ Hybrid Architecture และเทคนิค Chain of Thought Reasoning เพื่อประมวลผลข้อมูลได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
ที่สำคัญราคา DeepSeek-R1: คุ้มค่าแบบจับต้องได้
DeepSeek-R1 มีจุดเด่นที่ราคาประหยัดอย่างเหลือเชื่อ โดยคิดค่าบริการดังนี้
- $0.55 (ประมาณ 18 บาท) ต่อข้อมูลขาเข้า (input tokens) 1 ล้านหน่วย
- $2.19 (ประมาณ 72 บาท) ต่อข้อมูลขาออก (output tokens) 1 ล้านหน่วย
ในขณะที่ OpenAI ซึ่งเป็นผู้พัฒนาของ ChatGPT มีราคาสูงกว่ามาก:
- ค่าข้อมูลขาเข้า (input tokens) อยู่ที่ $15 (ประมาณ 495 บาท)
- ค่าข้อมูลขาออก (output tokens) อยู่ที่ $60 (ประมาณ 1,980 บาท)
เมื่อเปรียบเทียบแล้ว DeepSeek-R1 เสนอราคาถูกกว่าเกือบ 30 เท่า สำหรับ input tokens และ เกือบ 28 เท่า สำหรับ output tokens ทำให้ DeepSeek-R1 เหมือนเป็นตัวเลือกที่ได้ทั้ง “คุณภาพระดับพรีเมียม” และ “ราคาย่อมเยา” ในตลาด AI ขณะนี้
ทำไม DeepSeek ถึงสามารถลดต้นทุนได้?
DeepSeek ใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เช่น
- Reinforcement Learning (RL): พัฒนาการเรียนรู้ AI โดยอิงหลักการให้รางวัล
- Mixture-of-Experts (MoE): แบ่งงานให้ AI ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
- Distillation: ถ่ายทอดความรู้จากโมเดลขนาดใหญ่ไปยังโมเดลขนาดเล็ก
นอกจากนี้ DeepSeek ยังใช้ AMD Instinct GPUs และซอฟต์แวร์ ROCM ซึ่งไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดทางการค้าของสหรัฐฯ ทำให้พวกเขาสามารถพัฒนา AI ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาชิประดับสูงจากอเมริกา
ความท้าทายของ DeepSeek
แม้จะประสบความสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น แต่ DeepSeek ยังเผชิญความท้าทาย เช่น
- การเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง: แม้เทคนิคที่ใช้ลดต้นทุนจะมีประสิทธิภาพ แต่การขาดชิประดับสูงอาจเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาในอนาคต
- ความน่าเชื่อถือ: การเป็นบริษัทเทคโนโลยีจากจีนยังคงต้องพิสูจน์ตัวเองในตลาดโลก ท่ามกลางข้อกังวลเรื่องการเซ็นเซอร์และนโยบายจากรัฐบาลจีน
บทสรุป
การปรากฏตัวของ DeepSeek ในฐานะผู้ท้าชิงจากจีน สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการพัฒนา AI ที่เทียบชั้นบริษัทระดับโลกได้สำเร็จ ความสำเร็จของ DeepSeek-R1 ไม่เพียงแต่สร้างแรงกระเพื่อมในตลาด AI แต่ยังพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของจีนในการแข่งขันกับมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ