KEY :
- คู่แรก – ญี่ปุ่น พบโครเอเชีย เสมอในเวลา 1-1 แม้ว่าต่อเวลาพิเศษก็ยังทำอะไรไม่ได้ ต้องดวลจุดโทษ ก่อนที่ญี่ปุ่นจะพลาดไปถึง 3 คนด้วยกัน ทำให้ ญี่ปุ่นแพ้จุดโทษโครเอเชีย 1 – 3 เข้ารอบต่อไป
- คู่ที่สอง – บราซิลเอาชนะเกาหลีใต้ไปได้ 4-1 เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปพบกับโครเอเชีย
…
ถึงฎีกา!!! ญี่ปุ่น – โครเอเชียต่อเวลาพิเศษ
สำหรับฟุตบอลโลก 2022 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย คู่แรกเป็นการพบกันระหว่าง ญี่ปุ่น และ โครเอเชีย เวลา 22.00 น. โดยก่อนการแข่งขัน ผลงานที่ผ่านมาของทั้งคู่ถือว่า เป็นการประกบคู่ที่ค่อนข้างสูสีกัน ต่างฝ่ายต่างไม่ประมาท
🏃ครึ่งแรก
ในช่วง 10 นาทีแรก ญี่ปุ่นเริ่มต้นเกมได้ดี สามารถครองบอลได้ และพอที่จะสร้างสรรเกมขึ้นไป แต่ไม่นานนัก โครเอเชียก็เริ่มที่จะตั้งตัวได้ และพลิกกลับมาเป็นฝ่ายครองบอลและทำเกมได้มากขึ้น
นาทีที่ 30 ผ่านครึ่งชั่วโมงแรกไป ภาพรวมของเกมยังคงเป็นฝ่ายโครเอเชีย ที่ครองบอลได้มากกว่า แต่ญี่ปุ่น ยังคงน่ากลัวในจังหวะสวนกลับต่อเนื่อง แม้ว่ายังไม่สามารถได้จังหวะยิงเน้น ๆ ก็ตาม
นาที่ 42 – ญี่ปุ่นเริ่มกลับมาทำเกมได้อีกครั้ง และสามารถทำเกมได้ดีกว่าโครเอเชีย โดยมาเอดะได้บอลจากทางริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนตัดข้ามมาทางขวา แม้จะยังทำอะไรไม่ได้ แต่สร้างความกดดันให้กับทางโครเอเชีย
นาที่ 43 – ญี่ปุ่นขึ้นนำ 1-0 โดย ไดเซน มาเอดะ โดยในจังหวะนี้ ญี่ปุ่นได้ลูกเตะมุม ก่อนส่งกันสั้น ๆ มาที่นอกกรอบเขตโทษ ก่อนโยเข้ามา และเป็นมาเอดะได้จังหวะกดให้ญี่ปุ่นขึ้นนำ
โดยในจังหวะนี้ ได้มีการเช็ค VAR จากจังหวะที่ก้ำกึ่งของทานิงุชิ และผู้ตัดสินชี้ให้เป็นประตูขึ้นนำโครเอเชีย
หมดครึ่งแรก ญี่ปุ่นขึ้นนำ โครเอเชีย 1-0
🏃ครึ่งหลัง – ทั้งสองทีมยังคงใช้ผู้เล่นในชุดเดิม
นาที่ 47 – ญี่ปุ่นส่งบอลยาว ผู้เล่นฝั่งโครเอเชียโหม่งคืนประตู หวิดถูกญี่ปุ่นแย่งไปแทน และอาศัยจังหวะนี้ โครเอเชียตั้งบอลโต้กลับเร็ว และเช่นเดียวกัน มีจังหวะขลุกขลิกหน้าเขตโทษ แต่ญี่ปุ่นสกัดออกมาได้
นาที่ 50 – ทั้งสองฝ่ายต่างผลัดกันทำเกมรุกต่อเนื่อง เน้นออกบอลยาว ทำเกมเร็ว แต่ยังทำอะไรไม่ได้
นาที่ 53 – ญี่ปุ่นได้จังหวะโต้กลับขึ้นมาริมเส้น ก่อนโยนเข้ามาในกรอบเขตโทษ ทั้งสองฝ่ายขึ้นโหม่งบอลออกไป ญี่ปุ่นได้เตะมุม แต่ยังไม่เป็นประตู
นาที่ 55 – โครเอเชียได้จังหวะโต้กลับ ก่อนเปิดจากด้านข้างและ อิวาน เปริซิช ได้จังหวะขึ้นโหม่งเต็ม ๆ บอลพุ่งเสียบเข้าประตูไป โครเอเชียตีเสมอ 1-1
นาที่ 56 – ญี่ปุ่นทำเกมบุกขึ้นมาอีกครั้ง วาตารุ เอนโดะ ได้จังหวะก่อนบอลจะถูกสกัดออกมาจากกรอบเขตโทษ ก่อนที่ญี่ปุ่นได้จังหวะยิงข้อ แต่ก็โครเอเชียปัดออกไปได้
นาที่ 57 – โครเอเชียเปิดเกมโต้กลับขึ้นมา แต่จังหวะสุดท้าย ยังไม่สามารถจบงานได้
นาที่ 59 – ญี่ปุ่นทำเกมขึ้นมาอีกครั้ง และได้จังหวะยิง แต่ติดบล็อก ก่อนได้จังหวะอีกครั้ง แต่ยังคงไม่เป็นสกอร์
นาที่ 62 – โครเอเชียทำเกมบุกอีกครั้ง และเป็น ได้จังหวะยิงเต็ม ๆ แต่ชูอิจิ กอนดะเซฟไว้ได้
นาที่ 66 – โครเอเชียพยายามทำเกมบุกต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถทำประตูได้ ทางด้านของญี่ปุ่น อาศัยจังหวะโต้กลับเร็ว
นาที่ 77 – อิวาน เปริซิชได้จังหวะแย่งบอลจากการที่ญี่ปุ่นจ่ายไม่ดี ลากขึ้นมาก่อนที่จะได้จังหวะยิงไกล ได้ลุ้น แต่บอลออกไป
นาที่ 80 – ญี่ปุ่นโต้กลับเร็ว ทำเกมขึ้นมาอีกครั้ง แต่ยังจบสกอร์ไม่ลง ยังคงเสมอโครเอเชีย 1-1
ช่วง 10 นาทีสุดท้าย และช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ก็ยังคงไม่สามารถทำอะไรกันต่อได้ แม้ทั้งคู่จะพยายามทำเกมบุกเข้าใส่กัน แต่ก็ยังไม่สามารถปิดสกอร์ได้ เสนอในเวลา 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก
ช่วงต่อเวลาพิเศษ
ในช่วง 15 นาทีแรกของการต่อเวลาพิเศษ ทั้งสองทีมพยายามทำเกมบุก มีจังหวะพอให้ได้ลุ้นบ้าง แต่ไม่มากนัก รูปเกมเป็นการครองบนในแดนกลางสนาม โดยโครเอเชียครองบอลได้เป็นส่วนใหญ่
นาทีที่ 104 – ญี่ปุ่นได้จังหวะโต้กลับ จากหน้ากรอบเขตโทษในฝั่งญี่ปุ่น และมิโตมะลากยาวมายังหน้ากรอบเขตโทษได้จังหวะยิงตรงกรอบ แต่ไม่ผู้รักษาประตูโครเอเชียยังคงเหนียว สามารถปัดออกมาได้
จบ 15 นาทีแรกช่วงทดเวลา – ญี่ปุ่นและโครเอเชีย ยังคงเสมอกันอยู่ที่ 1-1
หลังจากพักช่วง 15 นาทีสุดท้ายของช่วงต่อเวลาพิเศษ ทั้งสองฝ่ายยังแลกกันต่อเนื่อง แต่รูปเกมช้าลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากนักเตะทั้งสองทีมเริ่มออกอาการล้าจากการเร่งเกมในช่วงท้ายเกม มีจังหวะให้ได้ลุ้นบ้าง
นาทีที่ 111 – เป็นเกมของทางโครเอเชียที่เปิดเกมบุกได้ดีกว่า มีจังหวะได้ลุ้นในกรอบเขตโทษ อาศัยโยนลูกกลางอากาศเข้าไป แต่ยังคงจบสกอร์ไม่ลง ในขณะที่ญี่ปุ่นยังคงอาศัยจังหวะโต้กลับ ก็ทำได้แค่ลุ้นเช่นกัน
นาทีที่ 120 – มาเยอร์ได้จังหวะยิง จากความพยายามบุกในช่วงท้ายของการทดเวลาพิเศษ หมดเวลาในการต่อเวลาพิเศษ ทำให้ญี่ปุ่น และโครเอเชียกลายเป็นคู่แรกในการแข่งขันครั้งนี้ ที่ต้องดวลจุดโทษกัน
ผลการยิงจุดโทษ โครเอเชียชนะญี่ปุ่นไป 3 – 1
โดมินิค ลิวาโควิช โชว์เหนือ เดาทางการยิงลูกโทษของญี่ปุ่นได้ 2 ลูกติดต่อ ในขณะที่โครเอเชีย 2 คนแรกไม่พลาด ทำให้แรงกดดันอยู่ที่ญี่ปุ่น แต่อาซาโนะ ไม่พลาด ตามคืนมาได้ ก่อนที่มาร์โค ลิวาจา จะพลาด
และยังดรามาต่อ โยชิดะ พลาด โดมินิค ลิวาโควิชเซฟไว้ได้ ทำให้ลูกสุดท้ายของ มาริออ ปาชาลิช จากโครเอเชีย ยิงเข้าไป และทำให้โครเอเชียได้เข้ารอบต่อไป
- ญี่ปุ่น
ทาคุมิ มินามิโนะ ❌️, คาโอรุ มิโตมะ❌️, ทาคุมะ อาซาโนะ ✔️, มายะ โยชิดะ ❌️ - โครเอเชีย
นิโกลา วลาซิช ✔️ มาร์เซโล โบรโซวิช ✔️, มาร์โก ลิวายา ❌️, มาริดอ ปาซาลิช ✔️
บราซิลชนะเกาหลีใต้ 4-1
สำหรับคู่นี้บราซิลยังคงมีภาษีดีกว่า และนับเป็นการกลับมาลงสนามของเนยมาร์อีกครั้ง จึงทำให้หลายคนคาดว่า คู่นี้ บราซิลน่าจะชนะเกาหลีใต้ผ่านเข้ารอบไปได้อย่างแน่นอน
นาทีที่ 6 – บราซิลขึ้นนำเกาหลีใต้ หลังหลุดถึงเส้นหลังและ ราฟินญา จ่ายย้อนกลับมาให้ วินิซิอุส จูเนียร์ ที่รออยู่ในกรอบเขตโทษ ยิงนิ่ง ๆ เน้น ๆ เข้าประตูไป บราซิลขึ้นนำ 1-0
นาทีที่ 13 – บราซิลได้จุดโทษจาก จอง อู-ยอง ทำฟาวส์ริชาร์ลิสัน และเนยมาร์ เป็นผู้สังหาร โดยอาศัยจังหวะที่นิ่งกว่า เลือกมุมยิงเข้าไป บราซิลขึ้นนำ 2-0
นาทีที่ 26 – เนยมาร์ ได้จังหวะหลุดยาว ถึงกรอบเขตโทษ และพยายามจะเล่นเอง แต่ไม่มีจังหวะ ทำได้แค่ลุ้น
นาทีที่ 28 – บราซิลโชว์จังหวะต่อบอล 3 จังหวะ ทะลุแนวรับเกาหลีใต้ก่อนจบด้วย ริชาร์ลิสัน แปเข้ามุมประตูไปนิ่ม ๆ บราซิลนำ 3-0
ผ่าน 30 นาที – เกาหลีใต้พยายามเติมเกมรุก แต่ก็ยังคงขาด ๆ เกิน ๆ ในช่วงจังหวะสุดท้าย และเปิดโอกาสในบราซิลต่อบอล ใช้ความสามารถจ่ายทะลุช่องในจังหวะรุกได้ลุ้นมากกว่า
นาทีที่ 36 – บราซิลยังคงอาศัยจังหวะต่อบอลที่เฉียบคม ทำให้เกมรุกของบราซิลแหวกแนวรับของเกาหลีใต้ และปาเกต้า รับบทจบในจังหวะสุดท้าย เป็นประตูอีกครั้ง บราซิลนำห่างไปเป็น 4-0
ช่วงเวลาที่เหลือของครึ่งแรก รูปเกมยังคงคล้ายเดิม โดยบราซิลอาศัยเก็บบอลในแดนกลาง และใช้จังหวะโต้กลับที่เฉียบคม ทำให้ได้ลุ้นอยู่เป็นระยะ ๆ จากจังหวะหลุดแนวรับของเกาหลีใต้ แต่ยังทำอะไรไม่ได้
หมดครึ่งแรก บราซิลนำเกาหลีใต้ 4-0
🏃ครึ่งหลัง –
นาทีที่ 47 – เกาหลีใต้ได้จังหวะยิง แต่อลิสซอน เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูของบราซิลยังไม่พลาด สามารถเซฟไว้ได้
นาทีที่ 67 – เกาหลีใต้ได้จังหวะบอลหลุดมา หลังจากที่สกัดไม่ขาด แต่เกาหลีใต้ยังได้แค่ลุ้น
นาทีที่ 75 – เกาหลีใต้ตีไข่แตก จากจังหวะฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ บอลกระดอนมาที่ ปาร์ค ซึง-โฮ วอลเลย์สวนเต็มข้อเข้าประตูไป ทำให้เกาหลีใต้ตามมาเป็น 1-4
นาทีที่ 79 – เกาหลีใต้ หลุดแนวรับของบราซิลเข้าไปได้ลุ้น แต่ไม่เข้า
เข้าช่วง 10 นาทีสุดท้าย – เกาหลีใต้ยังคงพยายามทำเกมรุก และดูจะพอมีจังหวะเพิ่มมากขึ้น และเข้ากดดันบราซิลได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่บราซิลดูผ่อนเกมลงไป
นาทีที่ 85 – เกาหลีใต้ต่อบอลในแดนของตัวเอง แต่มีจังหวะพลาดทำให้บราซิลตัดบอลได้ เกือบเป็นประตู ซึ่งบราซิลยังคงเดินหน้าบุกอย่างต่อเนื่องในช่วงท้ายเกม
ผู้ตัดสินทดเวลาบาดเจ็บ 4 นาที และเป็นบราซิลที่เอาชนะเกาหลีใต้ไปได้ 4-1