กลุ่ม ซี
อาร์เจนตินา พบ ซาอุดิอาระเบีย เวลา 17.00 น.
ผลงานที่เคยพบกันระหว่าง อาร์เจนตินา กับ ซาอุดิอาระเบีย
14/11/12 ซาอุดิอาระเบีย เสมอ อาร์เจนตินา 0 – 0
20/10/92 ซาอุดิอาระเบีย แพ้ อาร์เจนตินา 1 – 3
16/07/88 อาร์เจนตินา ชนะ ซาอุดิอาระเบีย 2 – 0
06/07/88 อาร์เจนตินา เสมอ ซาอุดิอาระเบีย 2 – 2
ผลงานครั้งหลังสุด 4 นัดที่ยอดทีมจากอเมริกาใต้ อาร์เจนติน่า เคยพบกับ ซาอุดิอาระเบีย จะเอาชนะได้ 2 นัด และเสมอ 2 นัด แต่ด้วยขุมกำลังที่จัดเต็มด้วยดาวดังที่มากันครบครัน นำทีมโดย เลโอเนล เมสซี่, อังเคล ดิมาเรีย เรียกได้ว่า อาร์เจนตินา ชุดนี้คืออีกหนึ่งตัวเต็งในการชิงแชมป์โลกคราวนี้ด้วยอีกทีมหนึ่ง การันตีด้วยแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ทีมล่าสุด และถึงแม้ ซาอุดิอาระเบีย จะผ่านเข้ามาถึงรอบสุดท้ายด้วยตำแหน่งแชมป์กลุ่ม แต่ก็ยังไม่เคยประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเลย ซึ่งเคยไปได้ไกลสุดก็รอบ 16 ทีมสุดท้ายเมื่อปี 1994 ที่จัดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงทำให้เกมเปิดหัวของกลุ่มซี อาร์เจนตินา จะผ่าน ซาอุดิอาระเบีย ไปแบบไม่ยากมากนัก
คาดการณ์ :
อาร์เจนตินา เอาชนะ ซาอุดิอาระเบีย 2 – 0
กลุ่ม ดี
เดนมาร์ก พบกับ ตูนิเซีย เวลา 20.00 น.
ผลงานที่เคยพบกัน ระหว่าง เดนมาร์ก กับ ตูนิเซีย
26/05/02 เดนมาร์ก ชนะ ตูนิเซีย 2 – 0 (อุ่นเครื่อง)
คู่ที่สองของวัน เดนมาร์ก ที่ทำผลงานในรอบคัดเลือกได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการคว้าชัยชนะไปได้ 9 เกม มีเพียงเกมเดียวที่แพ้ให้กับสกอตแลนด์ แต่ก็ทำให้เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกคราวนี้ด้วยตำแหน่งแชมป์กลุ่ม โดยเดนมาร์กจะมีตัวสตาร์ดาวดังนำทีมมาอย่าง คริสเตียน อิริคเซน ที่กำลังทำผลงานกับทีมต้นสังกัดอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงผู้รักษาประตูมืออย่าง เคสเปอร์ ชไมเคิล ที่ถึงแม้จะย้ายไปเล่นกับ นีซ ทีมในลีกเอิงของฝรั่งเศส แต่ก็ยังไม่ได้เห็นฟอร์มเท่าไหร่ ก็ยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นมือหนึ่งของทีมชาติเดนมาร์กอยู่ ส่วนทางฝั่งทีมชาติตูนิเซีย ถึงแม้จะเคยผ่านเข้ามาเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายก่อนหน้านี้ถึง 5 ครั้ง (1978, 1998, 2002, 2006, 2018) โดยฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6 ที่ผ่านเข้ามาเล่นในทัวร์นาเม้นท์ใหญ่ได้ แต่ก็ยังคงต้องลุ้นอาการบาดเจ็บของกองหน้ากัปตันทีมอย่าง ยูสเซฟ เอ็มซักนี่ และ เอลลีเยส สคิรี่ มิดฟิลด์จากโคโลญจน์ ทีมในบุนเดสลีกา เยอรมัน ซึ่งผลงานโดยรวม 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีมถือว่า เดนมาร์ก มีผลงานที่ดีกว่าทาง ตูนิเซีย อยู่พอสมควร จึงทำให้นัดนี้ เดนมาร์ก น่าจะอาศัยประสบการณ์เบียดเอาชนะไปได้
คาดการณ์ :
เดนมาร์ก ชนะ ตูนีเซีย 1 – 0
กลุ่ม ซี
เม็กซิโก พบ โปแลนด์ เวลา 23.00 น.
ผลงานที่เคยพบกันระหว่าง เม็กซิโก กับ โปแลนด์
14/11/17 โปแลนด์ แพ้ เม็กซิโก 0 – 1 (กระชับมิตร)
2/9/11 โปแลนด์ เสมอ เม็กซิโก 1 – 1 (กระชับมิตร)
27/4/05 เม็กซิโก เสมอ โปแลนด์ 1 – 1 (กระชับมิตร)
14/2/89 เม็กซิโก ชนะ โปแลนด์ 3 – 1 (กระชับมิตร)
เกมคู่นี้ ทั้งเม็กซิโก และ โปแลนด์ สถิติในการพบกัน ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก โดยทางเม็กซิโก เป็นต่อ โปแลนด์ อยู่นิดหน่อยจากผลงานที่ทั้งคู่เคยพบกัน โดยฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งนี้ เม็กซิโก ผ่านเข้ามาในฐานะรองแชมป์กลุ่มคอนคาเคฟ ซึ่งเป็นรองแคนาดาแค่ลูกได้เสีย ซึ่งทัพจังโก้ ก็มีการขนผู้เล่นมาอย่างครบครัน ทั้งกัปตันทีมแดนกลาง อันเดรส กวาร์ดาโด้ และกองหน้าที่เป็นตัวความหวังอย่าง ราอูล ฆิเมเนซ และผู้รักษาประตูที่มักจะทำผลงานได้ดีในทัวร์นาเม้นท์ใหญ่ๆอย่าง กีเยร์โม่ โอชัวร์ ส่วนทางด้าน โปแลนด์ ก็ทำผลงานได้ดีในเกมอุ่นเครื่องล่าสุดโดยสามารถเอาชนะได้ถึง 2 เกมติด นำทีมโดยกองหน้าดาวดัง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ก็พร้อมสุดๆ
เกมนี้ ทั้งสองทีมคงต้องเน้นอย่างแน่นอน เพราะหากทีมใดได้ชัยชนะไปก่อน อาจจะกำความได้เปรียบในการที่จะทำอันดับได้ดีก่อนจะไปพบกับ อาร์เจนตินา เพื่อนร่วมกลุ่มชั้นโหดต่อไป แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ทางเม็กซิโก ก็ดูจะมีภาษีดีกว่านิดหน่อย เมื่อเทียบกับฟอร์มที่เคยพบกันมา
คาดการณ์ :
เม็กซิโก เฉือนชนะ โปแลนด์ 1 – 0
กลุ่ม ดี
ฝรั่งเศส พบ ออสเตรเลีย เวลา 02.00 น. (ถ่ายทอดสดทางช่อง MONO29)
ผลงานที่เคยพบกันระหว่าง ฝรั่งเศส พบ ออสเตรเลีย
16/6/18 ฝรั่งเศส ชนะ ออสเตรเลีย 2 – 1 (ฟุตบอลโลก 2018)
11/10/13 ฝรั่งเศส ชนะ ออสเตรเลีย 6 – 0 (อุ่นเครื่อง)
11/11/01 ออสเตรเลีย เสมอ ฝรั่งเศส 1 – 1 (อุ่นเครื่อง)
1/6/01 ออสเตรเลีย ชนะ ฝรั่งเศส 1 – 0 (คอนเฟดเดอรชั่นส์ คัพ)
เกมนี้ แชมป์เก่า ฝรั่งเศส ขนผู้เล่นมาครบ ขาดก็แต่เพียงกองหน้า คาริม เบนเซม่า และกองกลางดาวรุ่ง เอดูอาร์โด้ คามาแว็งก้า ที่เจ็บกล้ามเนื้อในการซ้อมล่าสุดของทีมแต่ยังดีที่มี อาเดรียน ราบิโอต์ และ ออเรเลียง ชูอาเมนี ก็พร้อมจะลงทำหน้าที่แทนอยู่แล้ว ส่วนในตำแหน่งอื่นถือว่ายังมาเต็มทั้งกองหน้า คิเลียน เอ็มปัปเป้ , อองตวน กรีซมันน์ และโอลิวิเยร์ ชิรูด์ ส่วนทางฝั่ง ออสเตรเลีย ผ่านเข้ามาสู่รอบสุดท้ายด้วยการเอาชนะ เปรู ในรอบเพลย์ออฟได้สำเร็จ ก็ขนผู้เล่นมาครบเครื่อง ทั้งแมทธิว ไรอัน (ผู้รักษาประตู) , อารอน มอย, แจ็คสัน เออร์ไวน์ และกองหน้าอย่าง แมทธิว เลคกี โดยรวมแล้ว แชมป์เก่าฝรั่งเศส ยังดูเหนือกว่า ออสเตรเลีย อย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ทางฝรั่งเศสจะขาดผู้เล่นตัวสำคัญไปอย่าง คาริม เบนเซม่า แต่ในตำแหน่งอื่นถือว่าลงตัว จึงน่าจะทำให้ทางฝรั่งเศส ผ่านออสเตรเลียไปแบบไม่ยากเย็น
คาดการณ์ :
ฝรั่งเศส ชนะ ออสเตรเลีย 2 – 0