ในวันที่ “หน้าจอ” กลายเป็นโลกทั้งใบ หลายคนหลุดเข้าไปในวงจรของการเสพติดโลกออนไลน์โดยไม่รู้ตัว ใช้เวลาไถฟีดมากเกินกว่าที่ตั้งใจ จนส่งผลต่อการใช้ชีวิต ทั้งด้านจิตใจ การงาน และความสัมพันธ์
ภาวะ “Social Addiction หรือการ ติดหน้าจอ”
ภาวะ “Social Addiction” หรือการ “ติดหน้าจอ” นี้ ไม่ได้เกิดจากเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่สะท้อนถึงพฤติกรรมของผู้ใช้ ที่เลือกอาศัยความสุขในโลกเสมือนแทนการเผชิญหน้ากับความจริง บางคนถึงขั้นสร้างภาพลักษณ์ซ้ำ ๆ เพื่อควบคุมความคิดของคนอื่น จนลืมไปว่า “ความจริง” ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยยอดไลก์หรือคอมเมนต์ หากคุณรู้สึกว่าตัวเองหรือใครบางคนกำลังใช้โซเชียลเพื่อหลีกหนีความจริงมากกว่าสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริง อาจถึงเวลาที่ต้องหยุดถามตัวเองว่า… “เรายังเป็นเจ้าของชีวิตตัวเองอยู่หรือเปล่า?
ลองเช็กตัวเอง (หรือใครบางคนที่คุณนึกถึง) ว่าเข้าข่ายหรือไม่
- ใช้มือถือเกินเวลาที่วางแผนไว้เป็นประจำ
- หากต้องหยุดใช้งาน จะรู้สึกหงุดหงิดหรือกระสับกระส่าย
- พยายามลดเวลาแต่ควบคุมตัวเองไม่ได้
- ไม่ว่าจะกำลังทำอะไรก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงโลกออนไลน์
- ใช้โลกเสมือนเป็นที่ระบายความเครียด
- ปกปิด หรือบิดเบือนพฤติกรรมการใช้งาน
- ส่งผลต่อคุณภาพงาน ความสัมพันธ์ หรือแม้แต่การนอนหลับ
สาเหตุการติดโซเชียล
- ค่านิยมสังคมก้มหน้า ที่ยกให้หน้าจอเป็นสื่อกลางหลัก
- อัลกอริธึมเฉพาะบุคคล ที่ยิ่งใช้ก็ยิ่งดึงคุณไม่ให้หลุดออก
- ภาวะซึมเศร้า สมาธิสั้น หรือความรู้สึกโดดเดี่ยว ที่ผลักให้คนเลือกอยู่กับจอแทนที่จะอยู่กับคนจริง
ประเภทของการเสพติดโลกออนไลน์
- ติดเนื้อหา: เช่น เกมออนไลน์ หรือแพลตฟอร์มการพนัน
- ติดความสัมพันธ์: ติดการแชต ติดเฟซบุ๊ก ติดคอนเทนต์ปั่นยอด ติดโซเชียลแบบไลฟ์สไตล์
- ติดอุปกรณ์: เปลี่ยนมือถือบ่อย อัปเดตฟีเจอร์ตลอดเวลา
วิธีรับมือ
- ตั้งลิมิตเวลาในการใช้งานให้เหมาะสม
- หา “โลกจริง” ให้ใจได้พัก เช่น เล่นกับสัตว์เลี้ยง ออกกำลังกาย หรือพบปะคนที่รัก เจอเพื่อนแบบตัวจริงเสียงจริง
- หากควบคุมไม่ได้ ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือติดต่อสายด่วนสุขภาพจิต 1323
บางคนเสพติดโซเชียลเพราะอยากผ่อนคลาย
บางคนเสพติด…เพราะอยากควบคุมความจริง
เมื่อเรารู้สึกว่าเรากำลังจัดการทุกอย่างได้บนหน้าฟีด บางทีมันอาจไม่ใช่ “การควบคุม” แต่คือการ “หลุดจากโลกแห่งความจริง” โดยไม่รู้ตัว