โรคจิตเภท เป็นโรคจิตเวชที่พบได้บ่อยในประเทศไทย โดยจะมีอาการ หูแว่ว ประสาทหลอน พฤติกรรมผิดปกติ ก้าวร้าว ซึ่งถ้าหากไม่รีบมารักษาอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และการอยู่ร่วมกันในสังคม วันนี้มีเกร็ดความรู้และแนวทางการรักษามาแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
แพทย์หญิงณัฏฐพัชร์ ลำเลียงพล จิตแพทย์โรงพยาบาล BMHH- Bangkok Mental Health Hospital กล่าวว่า โรคจิตเภท (Schizophrenia) เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของสมอง ส่งผลให้มีความคิดและการรับรู้ที่ผิดปกติไปจากเดิม ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่นไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ โดยผู้ป่วยจะมีพฤติกรรมที่แปลกไปจากคนทั่วไป เช่น หลงเชื่อว่าจะมีคนมาทำร้าย หรือเห็นภาพหลอน
![](https://mono29.com/app/uploads/2024/03/จิตเภท.jpg)
สาเหตุการเกิดโรคจิตเภท
พันธุกรรม โดยเฉพาะครอบครัวที่มีสมาชิกป่วยเป็นโรคจิตเภท ก็จะมีแนวโน้มเป็นโรคนี้ได้มากกว่าคนปกติทั่วไป เนื่องจากความผิดปกติบางอย่างอาจถ่ายทอดทางพันธุกรรม
ความผิดปกติของสมอง เกิดจากความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง ที่ส่งผลให้ผู้ป่วยมีความผิดปกติทั้งความคิด การรับรู้ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง มีอารมณ์และพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากคนทั่วไป
ภาวะทางด้านจิตใจ ผู้ที่มีภาวะความเครียดในชีวิตประจำวัน เช่น ความสัมพันธ์กับผู้อื่นไม่ดี อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีการใช้อารมณ์รุนแรง ตำหนิ วิพากษ์วิจารณ์ จู้จี้ บงการ ส่งผลต่อการดำเนินโรค กระตุ้นให้โรคกำเริบ หรือควบคุมอาการได้ยาก
3 กลุ่มอาการโรคจิตเภท
1.กลุ่มอาการทางความคิด
ความคิดหลงผิด (Delusion) ความเชื่อที่ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงและไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยเหตุผล เช่น ความคิดหลงผิดว่ามีคนปองร้ายหรือพยายามทำร้าย, ความคิดหลงผิดว่าตนเองมีอำนาจพิเศษหรือมีความสำคัญ, ความคิดหลงผิดว่าตนเองถูกควบคุมหรือถูกติดตามโดยผู้อื่น
ความคิดฟุ้งซ่าน (Ideas of reference) ความคิดที่ว่าสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวมีความหมายแฝงที่เกี่ยวข้องกับตนเอง เช่น ผู้ป่วยอาจเชื่อว่าการที่ไฟดับหมายถึงตนเองกำลังถูกลงโทษ
ความคิดไร้เหตุผล (IlIogical thinking) ความคิดที่ไม่สอดคล้องกันหรือขาดเหตุผล เช่น ผู้ป่วยอาจเชื่อว่าตนเองสามารถควบคุมสภาพอากาศได้ด้วยความคิด
2.กลุ่มอาการทางประสาทสัมผัส
ประสาทหลอน (Hallucination) การรับรู้สิ่งต่าง ๆ ที่ไม่มีอยู่จริง ประสาทหลอนมีหลายชนิด เช่น
หูแว่ว (Auditory hallucination) ได้ยินเสียงที่ไม่ได้มาจากภายนอก เช่น ได้ยินเสียงคนพูด เสียงดนตรี หรือเสียงอื่นๆ
ภาพหลอน (Visual hallucination) เห็นภาพที่ไม่ได้มาจากภายนอก เช่น เห็นภาพคนหรือสัตว์ เห็นภาพเคลื่อนไหว หรือเห็นภาพซ้อนทับกัน, ประสาทหลอนทางประสาทสัมผัสอื่น ๆ เช่น ประสาทหลอนทางสัมผัส ประสาทหลอนทางกลิ่น ประสาทหลอนทางรสชาติ หรือประสาทหลอนทางการเคลื่อนไหว
3.กลุ่มอาการทางพฤติกรรม
พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้ป่วยอาจเปลี่ยนพฤติกรรมไปจากเดิม เช่น เก็บตัว เฉื่อยชา ไม่สนใจสิ่งรอบตัว พูดจาสับสน ไม่ปะติดปะต่อ หรือมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
ปัญหาในการควบคุมอารมณ์ ผู้ป่วยอาจไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ เช่น อารมณ์แปรปรวนง่าย โกรธง่าย หัวเราะหรือร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล
ปัญหาในการคิดและตัดสินใจ ผู้ป่วยอาจมีปัญหาในการคิดและตัดสินใจ เช่น คิดช้า ตัดสินใจลำบาก หรือไม่สามารถแก้ปัญหาได้
![](https://mono29.com/app/uploads/2024/03/จิตเภท3.jpg)
การรักษาโรคจิตเภท
สำหรับการรักษาโรคจิตเภทมีหลายแนวทาง ได้แก่ การกินยา เพื่อปรับสมดุลสารเคมีในสมอง จะได้ควบคุมอาการไม่ให้กำเริบ แต่หากใช้ยาไม่ได้ผล แพทย์อาจพิจารณาใช้การช็อกไฟฟ้า, การรักษาทางจิตสังคม เช่น ฝึกการเข้าสังคม และให้คำปรึกษาแก่ผู้ป่วย, การทำจิตบำบัด เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าใจตนเอง รับรู้และเข้าใจปัญหาของตนเองมากขึ้น, ครอบครัวบำบัด เพื่อแนะแนวทางให้ญาติดูแลผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสมและการบำบัดแบบกลุ่ม โดยจัดกิจกรรมกลุ่มระหว่างผู้ป่วยด้วยกันเพื่อให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
การดูแลผู้ป่วยโรคจิตเภท
ทั้งนี้ การดูแลผู้ป่วยโรคจิตเภทต้องเริ่มจากการเข้าใจผู้ป่วย เพราะผู้ป่วยไม่ได้ตั้งใจสร้างความรำคาญเดือดร้อน
- ควรให้อภัยไม่ถือโทษผู้ป่วย, ไม่ควรโต้เถียงกับผู้ป่วยเกี่ยวกับอาการทางจิต แต่ควรแสดงความเห็นใจในความทุกข์ที่ผู้ป่วยได้รับจากอาการทางจิต
- เสนอความช่วยเหลือด้วยความอดทน, กระตุ้นแต่ไม่บังคับ เช่น กระตุ้นให้ผู้ป่วยช่วยเหลือตัวเอง ช่วยทำงานบ้านอย่างง่าย ๆ โดยไม่ใช้การบังคับ
- ควรหลีกเลี่ยงการตำหนิติเตียนผู้ป่วยโดยไม่จำเป็นและดูแลผู้ป่วยเรื่องการกินยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง