การนอน เป็นการพักผ่อนที่ดีต่อสุขภาพ แต่ถ้านอนผิดท่าทาง ไม่เหมาะสมกับสรีระก็สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายที่ร้ายแรงได้
ระยะเวลาที่เหมาะสมในการนอนหลับพักผ่อน อยู่ที่ประมาณ 6-7 ชั่วโมง และควรนอนในท่าที่ถูกต้องด้วยถึงจะทำให้การนอนหลับนั้นมีคุณภาพ หากนอนผิดท่าทางหรือนอนในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีอาจจะทำให้เกิดการบาดเจ็บของระบบกระดูก กล้ามเนื้อ และระบบประสาทได้ โดยคนส่วนใหญ่อาจจะยังมีพฤติการนอนในท่าทางที่ผิดๆ โดยไม่รู้กันอยู่ เช่น การนั่งหลับ หรือ นอนในท่านั่ง การนอนตะแคง นอนคว่ำ นอนขุดคู้ โดยควรระมัดระวังกันไว้ให้ดี
1.นั่งหลับ หรือ นอนแบบกึ่งนั่งกึ่งนอน
การนั่งหลับ เช่น นั่งกลับบนเก้าอี้ นั่งหลับบนรถเมล์ จะส่งผลทำให้เกิดอาการปวดร้าวไปทั่วร่างกาย อาการที่พบบ่อยคือ ปวดคอ กระดูกคอเคลื่อน
หรือท่านอนแบบกึ่งนั่งกึ่งนอน โดยที่มีหมอนรองที่หลัง แล้วนอนเอนหลังไถลตัวไปบนเตียงนอนหรือโซฟา พร้อมกับกิจกรรมยอดฮิตในปัจจุบัน เช่น เล่นโทรศัพท์มือถือ อ่านหนังสือ หรือดูโทรทัศน์ไปเรื่อยๆ ด้วยนั้น ทำให้ต้องงอหรือก้มคอเป็นระยะเวลานานหากทำเป็นประจำ จะทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังส่วนคอและหลังทำงานมากกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดอาการอักเสบและปวดกล้ามเนื้อคอบ่าไหล่ขึ้นมาได้ รวมถึงสามารถทำให้เกิดอาการปวดหลังส่วนล่างจากการที่มีการแอ่นของหลังขณะนั่งได้ด้วย
2.นอนขดตัวคุดคู้
การนอนขดตัวคุดคู้ คือ การนอนที่มีการก้มศีรษะ โก่งหลัง พับสะโพก งอเข่า
หากนอนท่านี้บ่อยๆ นานๆ เข้าจะมีผลกระทบหลายอย่าง เช่น ปวดเข่า สะโพกอักเสบ
กล้ามเนื้อหลังส่วนล่างอักเสบและปวด กระดูกสันหลังบิดโก่งงอผิดรูป
ปวดคอจากกล้ามเนื้ออักเสบ เป็นโรคหมอนรองกระดูกทับประสาทอยู่แล้ว ท่านอนนี้จะไปกระตุ้นให้เกิดอาการปวดมากขึ้นได้
3.นอนคว่ำ
การนอนคว่ำ จะทำให้ผู้นอนหายใจไม่สะดวก กระดูกสันหลังแอ่นมากกว่าปกติ มีการบิดคอไปทางซ้ายหรือทางขวารวมถึงมีการแอ่นไปข้างหลัง อาจก่อให้เกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อคอ เกิดอาการปวดคอ ปวดหลังได้
4.นอนทับต้นแขนตัวเอง
การนอนทับแขนตัวเอง จากการใช้ศีรษะทับหรือลำตัวทับ หรืออาจเกิดจากการที่คู่รักนอนหนุนแขนของอีกฝ่ายตลอดทั้งคืน ซึ่งเป็นบริเวณที่มีเส้นประสาท หากเส้นประสาทถูกกดทับนานๆ จะก่อให้เกิดอาการทางระบบประสาทตามมา
โดยที่พบบ่อยที่สุด คือ อาการข้อมือตก ทำให้กระดกข้อมือไม่ขึ้น อาการข้อมือตกจากการถูกกดทับของเส้นประสาทเรเดียน (Radial Nerve) นี้ เรียกว่า Saturday night palsy หรือ Honeymoon palsy โดยส่วนใหญ่แล้วอาการมักไม่ร้ายแรงและสามารถหายเองได้ ซึ่งระยะเวลาจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ส่วนมากแล้วจะใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์
ที่มา : samitivejhospitals, หมอชาวบ้าน
