คุณเคยเป็นกันมั้ย? ปวดฉี่ แต่ไม่ไปฉี่ ขอนั่งทำงาน ขอนอนดูซีรีส์ อีกแปบ! จนหายปวดและปวดใหม่อีกรอบวนลูปไปเรื่อยๆ
พฤติกรรมดังกล่าวหลายๆ คนชอบทำจนติดเป็นนิสัย โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงชาวออฟฟิศที่นั่งทำงานติดโต๊ะ บ่อยครั้งเข้ามันสามารถส่งผลร้ายต่อสุขภาพของคุณในขั้นที่รุนแรงได้เลยนะ ขอหยิบยกเรื่องราวต่อไปนี้เป็นอุทาหรณ์สอนใจ เรื่องอั้นฉี่ มาให้ทุกคนได้อ่านกันเพื่อจะได้ระวัง และใส่ใจสุขภาพของตัวเองกันให้มากขึ้น
และคุณจะตระหนักได้ว่า การเสียเวลาลุกไปฉี่แค่ไม่กี่นาที มันคุ้มกว่าที่จะต้องมานอนเจ็บป่วยยาวๆ เพราะการอั้นฉี่!!
เรื่องราวอุทาหรณ์ของสาวออฟฟิศท่านหนึ่ง
พฤติกรรมที่ชอบทำประจำคือ ปวดฉี่แล้วชอบอั้น และเป็นคนดื่มน้ำน้อย
และแล้ววันที่จุดพีคมาถึง การอั้นฉี่ ออกฤทธิ์แสดงอาการทำร้ายสุขภาพ เริ่มจากเธอสะดุดปลายเท้าตัวเองแล้วล้มกระแทกพื้น จากนั้นเริ่มมีอาการปวดท้องแบบค่อยๆ รุนแรงมากขึ้นๆ ปวดจนตัวงอ พอไปถึง โรงพยาบาลหมอให้ปัสสาวะเพื่อจะได้นำไปตรวจวินิจฉัย แต่เธอฉี่ไม่ออก!
หมอจึงได้ทำการสวนท่อปัสสาวะ ระหว่างนั้นบรรเทาปวดด้วยการฉีดมอร์ฟีนระงับอาการไปก่อน จากนั้นได้ลองนั่งฉี่ออกมามีลิ่มเลือด ฉี่เป็นสีแดง ทั้งนี้อาการปวดท้องมีหลากหลาย ทั้งปวดท้องแบบบิด ปวดแบบตัวเกร็ง ปวดจนตัวสั่น คือความทรมานขั้นสุดของการปวดท้องทั้งหมดเกิดขึ้นกับเธอ
สรุปสุดท้าย หมอสั่งให้ผ่าตัด!! หลังจากที่หมอได้ดู CT scan และผลเอ็กซ์เรย์ เนื่องจากเป็นนิ่ว และกระเพาะปัสสาวะบอบบางมาก มีค่าไตสูง การผ่าตัดหมอผ่าตัดเป็นแนวขวางรอยเย็บทำแผลค่อนข้างยาว หลังจากผ่าตัดต้องเจาะเลือดทุกวัน บางวันเจาะ 2 รอบ ยังฉี่เองไม่ได้ มีทั้งสวนทั้งเจาะหน้าท้อง ฉี่เล็ดบ้าง แค่จะหายใจยังลำบากเลย เธอเผยว่ารู้สึกเจ็บไปหมด เจ็บมากๆ และเคยคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว ไม่เกิดกับเราหรอกกับแค่อั้นฉี่ แต่ดันเกิดอุบัติเหตุไปสะดุดล้ม ทำกระเพาะฉีกขาดได้ เลือดออกในช่องท้อง จนบานปลาย.. สรุปแล้วคุณหมอบอกว่าเคสนี้ ก้อนนิ่วเป็นปัจจัยหนึ่งที่ไปกระตุ้นให้กระเพาะปัสสาวะฉีกขาด ซึ่งหนึ่งในสาเหตุเป็นนิ่วคือชอบอั้นฉี่ด้วย
สรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ประมาณ 159,000 บาท (ยังไม่หักประกันกลุ่มและประกันสังคม)
หลายคนคงอาจคาดไม่ถึงว่าการที่ อั้นฉี่ จะบั่นทอนความสุขในชีวิต ทำให้ทรมานเจ็บปวดจนถึงขั้นทำให้รู้สึกไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ ถือเป็นเรื่องสำคัญใกล้ตัวที่ทุกคนควรตระหนักให้มาก มาดูวิธีป้องกันเพื่อที่จะให้ห่างไกลจากภาวะดังกล่าว ดังต่อไปนี้
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis) สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะ พบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่ส่วนใหญ่มักเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากผู้หญิงมีท่อปัสสาวะสั้นและอยู่ใกล้กับช่องคลอดกับทวารหนัก ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะผ่านทางท่อปัสสาวะได้ง่ายกว่า ซึ่งต่างจากผู้ชายที่มีท่อปัสสาวะยาวกว่าและอยู่ห่างจากทวารหนักมากกว่า แต่ผู้ชายก็มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน
ทำไมการกลั้นปัสสาวะ ทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบได้
สาเหตุหลักคือ เป็นเพราะเชื้อแบคทีเรียเอสเชอริเชีย โคไล หรือ อีโคไล เชื้อแบคทีเรียเคล็บซิลลา ซึ่งเป็นเชื้อที่มีอยู่มากในลำไส้ และบริเวณรอบๆ ทวารหนัก ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น มีเพศสัมพันธ์ เช็ดก้นในลักษณะจากด้านหลังมาทางด้านหน้า การใช้ผ้าอนามัยแบบสอด รวมไปถึงการสวนปัสสาวะ
และเชื้อโรคดังกล่าวจะเข้าไปอยู่ในกระเพาะปัสสาวะของเราได้ในแบบที่ไม่รู้ตัว การกลั้นปัสสาวะนานเกินไปอาจทำให้จำนวนของเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าหากถ่ายปัสสาวะทุกครั้งที่ปวดจะช่วยขับเอาเชื้อโรคออกมาได้ด้วยตัวเอง นั่นหมายความว่า ถ้าเรากลั้นปัสสาวะ เชื้อโรคเหล่านี้ก็จะเข้าไปสู่ร่างกายเราได้นั่นเอง ทั้งนี้ หากมีการติดเชื้อรุนแรงมากอาจส่งผลให้กรวยไตอักเสบหรือเกิดการติดเชื้อที่ไตได้
ทริคฝึกควบคุมการปัสสาวะ
สำรวจและตั้งเป้าหมายในการปัสสาวะ
สังเกตว่าตนเองเข้าห้องน้ำบ่อยแค่ไหนในช่วงกลางวัน และมีระยะห่างของเวลาในการถ่ายปัสสาวะแต่ละครั้งนานเท่าใด จากนั้นค่อยๆ เพิ่มระยะห่างในการไปฉี่ เช่น หากเข้าห้องน้ำบ่อยทุกๆ 1 ชั่วโมง อาจกำหนดระยะห่างของช่วงเวลาการเข้าห้องน้ำเป็นทุก ๆ 1 ชั่วโมง 15 นาที
ฝึกกลั้นปัสสาวะ
เมื่อเริ่มควบคุมการปัสสาวะได้ ควรถ่ายปัสสาวะในตอนเช้า แล้วกลั้นปัสสาวะให้นานจนถึงเวลาที่กำหนดไว้ หากครบกำหนดเวลาที่ตั้งไว้ จึงเข้าห้องน้ำเพื่อปัสสาวะแม้จะไม่รู้สึกปวดก็ตาม กรณีที่ปวดปัสสาวะก่อนเวลาที่กำหนด ให้ระลึกไว้เสมอว่ากระเพาะปัสสาวะยังไม่เต็ม โดยอาจใช้วิธีบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน เช่น การขมิบช่องคลอด เพื่อยืดเวลาในการกลั้นปัสสาวะให้นานขึ้น หรือรอจนกว่าจะถึงเวลาที่กำหนดแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างช้า ๆ เป็นต้น
เพิ่มระยะเวลาการกลั้นปัสสาวะ
เมื่อสามารถกลั้นปัสสาวะจนถึงเวลาที่ตั้งไว้ อาจเพิ่มระยะเวลาระหว่างการถ่ายปัสสาวะให้นานขึ้นอีก 15 นาที เมื่อฝึกควบคุมการขับถ่ายกระเพาะปัสสาวะอย่างสม่ำเสมอติดต่อกันหลายสัปดาห์ จะพบว่าตนเองสามารถกลั้นปัสสาวะได้นานขึ้น โดยภาวะกลั้นปัสสาวะไม่
อาการเตือนที่ควรไปพบแพทย์
- ปัสสาวะบ่อย ครั้งละน้อยๆ หรือ กะปริดกระปรอย ปัสสาวะไม่สุด
- รปวดบริเวณท้องน้อย ปวดแสบ ปวดขัดๆ ร้อนขณะปัสสาวะโดยเฉพาะตอนปัสสาวะสุด
- มีอาการเจ็บแสบขณะปัสสาวะ ปัสสาวะสีขุ่น มีกลิ่นผิดปกติ ปัสสาวะมีเลือดปน
- มักไม่มีไข้ (ยกเว้นถ้ามีกรวยไตอักเสบ ผู้ป่วยจะมีไข้สูง หนาวสั่น ปัสสาวะสีขุ่น และมีปวดเอวร่วมด้วย)
- ในเด็กอาจมีอาการปัสสาวะรดที่นอน มีไข้ เบื่ออาหาร อาเจียน อ่อนเพลีย
- ในผู้สูงอายุบางคน จะไม่มีอาการทางปัสสาวะ แต่จะมีอาการอ่อนเพลีย สับสน หรือมีไข้
อาการเหล่านี้ หากพบแล้วควรไปปรึกษาแพทย์ สามารถรักษาให้หายได้หากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและทันเวลา และอย่าลืมใส่ใจสุขภาพ ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายด้วยไม่ต่ำกว่า 6-8แก้วต่อวัน เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
ขอบคุณที่มาจาก : phyathai, pobpad
