คัดลอก URL แล้ว
ท้องเสีย ถ่ายเป็นน้ำ ควรกินยาอะไรดี นี่คือยาที่ควรมีติดบ้านไว้!

ท้องเสีย ถ่ายเป็นน้ำ ควรกินยาอะไรดี นี่คือยาที่ควรมีติดบ้านไว้!

ท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเดิน หรืออุจจาระร่วง เป็นอาการที่ถ่ายอุจจาระเหลวผิดปกติ อย่างน้อย 3 ครั้ง ภายใน 24 ชั่วโมง หรือถ่ายมีมูกปนเลือดอย่างน้อย 1 ครั้ง ซึ่งอาการท้องเสียส่วนใหญ่เกิดจากสารพิษหรือไวรัส จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อ

ผงน้ำตาลเกลือแร่

ผงเกลือแร่โออาร์เอส ORS (Oral Rehydration Salts) ช่วยชดเชยการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ที่เสียไปจากการท้องเสีย และป้องกันการช็อกเนื่องจากการที่ร่างกายขาดน้ำ

วิธีใช้ : ใช้ครั้งละ 1 ซอง ให้ละลายในน้ำสะอาดแล้วตามปริมาตรที่ระบุไว้บนฉลาก ค่อยๆจิบครั้งละ 1 แก้ว ถ้าอาเจียนด้วยให้ดื่มทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง โดยให้ดื่มแทนน้ำ

ข้อห้าม : อย่าใช้ละลายในน้ำร้อน ควรละลายในน้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว ควรดื่มให้หมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่ควรทิ้งไว้เกินกว่า 24 ชั่วโมง

ผงถ่าน

ผงถ่านแอคติเวทชาร์โคล (activated charcoal) เรียกกันอีกหลายชื่อว่า ผงถ่านกัมมันต์ ยาคาร์บอน ถ่านชาร์โคล ช่วยรักษาอาการท้องเสียหรือถ่ายเหลวจากภาวะอาหารเป็นพิษ และยังช่วยทำให้อุจจาระเหลวน้อยลง

วิธีใช้ : ผู้ใหญ่ และ เด็กอายุมากกว่า 12 ปี รับประทานครั้งละ 3-4 แคปซูล วันละ 3-4 ครั้ง รับประทานยาผงถ่านนี้แล้วอุจจาระจะมีสีค่อนข้างดำ ควรรับประทานยานี้ก่อนหรือหลังรับประทานยาอื่นๆ 2 ชั่วโมง เมื่อทานยานี้เเล้วอุจจาระจะมีสีค่อนข้างดำ

ข้อห้าม : ห้ามทานยานี้พร้อมกับยาอื่น และ ห้ามใช้ยาเกิน 16 แคปซูลต่อวัน ถ้าอาการท้องเสียยังไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน ควรปรึกษาแพทย์

ยาโลเพอราไมด์

เช่น อิโมเดียม จีพีโอ ใช้ในกรณีที่มีอาการท้องเสียมากและมีเหตุจำเป็นต้องเดินทางต่อ

วิธีใช้ : ผู้ใหญ่เริ่มต้นจากรับประทาน 2 แคปซูล หลังจากนั้นให้รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล ทุก 4-6 ชั่วโมง จนกว่าจะหยุดถ่าย ส่วนเด็กควรอายุมากกว่า 5 ขวบ ให้ทานวันละ 1 แคปซูล

ข้อห้าม : ห้ามใช้ยาเกิน 8 แคปซูลต่อวัน และห้ามใช้หากถ่ายเป็นมูกเลือด

ยาเหลืองปิดสมุทร

ยาเหลืองปิดสมุทร เป็นตำรับยาในยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ ประกอบด้วย เครื่องยา 13 ชนิด ใช้บรรเทาอาการทางระบบทางเดินอาหาร แก้ท้องเสียที่ไม่เกิดจากการติดเชื้อ เช่น อุจจาระไม่เป็นมูก หรือมีเลือดปนและท้องเสียชนิดที่ไม่มีไข้ โดยมีทั้งรูปแบบยาแคปซูล ยาผง ยาเม็ด

วิธีใช้ : สำหรับเด็ก อายุ 6 -12 ปี รับประทานครั้งละ 8-10 เม็ด, ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 10 เม็ด ทุก 3-5 ชั่วโมง โดยรับประทานวันละ 3 ครั้งก่อนอาหาร

ข้อห้าม : ไม่ควรใช้เกิน 1 วัน หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์

หากมีอาการท้องเสียชนิดติดเชื้อ เช่น อุจจาระมีมูกเลือดปนหรือมีไข้ร่วมด้วย กลิ่นอุจจาระมีกลิ่นเหม็นคล้ายของเน่า หรืออาการท้องเสียยังไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหาเชื้อ


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง