คัดลอก URL แล้ว

MINI เผยภาพดีไซน์ภายในใหม่ ผสานอัตลักษณ์สองยุคในหนึ่งเดียว

MINI เผยภาพห้องโดยสารและแผงคอนโซลที่ได้รับการดีไซน์ใหม่ที่มีความล้ำสมัย เรียบง่าย ซ่อนลูกเล่น และยังมอบสไตล์ย้อนยุคที่สะท้อนการออกแบบภายในดั้งเดิมของรถรุ่นนี้ในยุค 1958 ซึ่งคาดว่าจะได้รับการนำเสนออย่างเต็มรูปแบบใน MINI Cooper S EV โฉมใหม่ที่จะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้

ซึ่งภายในดั้งเดิมของ MINI นั้นจะมีจอเรือนไมล์อยู่กลางคอนโซลหน้า จนกระทั่งได้มีการวิวัฒนาการเปลี่ยนจากเรือนไมล์กลางเป็นเรือนไมล์หลังพวงมาลัย และกลายจออินโฟเทนเมนต์ตรงกลางในปัจจุบัน ซึ่งตั้งแต่รถคอนเซ็ปต์ Vision Next 100 จนถึง Aceman ต่างเผยถึงการออกแบบที่นำจอดิจิทัลเพียงจอเดียวเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่องานออกแบบภายในดั้งเดิม และในครั้งนี้ก็เป็นรูปธรรมแล้ว

โดยภายในดังกล่าวได้ดัดแปลงการดีไซน์จาก Aceman Concept ซึ่งจะมีจอ OLED ตรงกลาง ที่ทำหน้าที่เป็นจอแสดงข้อมูลการขับขี่ จอนำทาง จออินโฟเทนเมนต์ ขณะเดียวกันก็ได้ยกเลิกการใช้จอเรือนไมล์หลังพวงมาลัย แต่ก็ยังคงแสดงข้อมูลการขับขี่ที่ครบถ้วนผ่านจอ Head up Display ที่จะปรากฎขึ้นเมื่อสตาร์ทรถ ทำให้ด้านหน้ามีทัศนวิสัยที่ดีขึ้น และดูน่าตื่นตาตื่นใจ

ทั้งนี้ ขนาดหน้าจออินโฟเทนเมนต์ยังไม่ได้ประกาศ แต่ดูเหมือนจะมีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของพวงมาลัยที่ได้รับการดีไซน์ใหม่ และการแสดงผลด้านกราฟิกก็มีความเรียบง่าย น่าดึงดูดสายตา อีกทั้งคุณจะสามารถเข้าถึงฟังก์ชันส่วนใหญ่ได้เนื่องจากสวิตช์เกียร์ถูกลดขนาดให้เหลือน้อยที่สุด แต่ด้านล่างที่เป็นแผงควบคุมที่ถูกลดให้เหลือปุ่มสำคัญสำหรับควบคุมระบบปรับอากาศ เปิดไฟเตือน เป็นต้น ทางบริษัทเรียกว่า “แถบสลับอะนาล็อก”

บนแผงคอนโซลนั้นจะมาพร้อมกับไฟที่เรืองแสงขึ้นจากด้านใน, ช่องแอร์วางนอน, การออกแบบที่เน้นรูปทรงกระบอกตั้งแต่แผงควบคุมอนาล็อก ลำโพง ช่องวางของ และมือจับเปิดประตูที่วางแนวต่ำกว่าปกติ, พอร์ต USB-C คู่ ที่วางแก้วคู่ หลังคาซันรูฟ และที่วางแขนส่วนบุคคลสำหรับคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า

ซึ่งการดีไซน์ภายในใหม่นี้ได้สะท้อนถึงการสร้างความสมดุลระหว่างอนาล็อก และดิจิตอลของแบรนด์ MINI ที่ให้ผู้คนทุกเพศทุกวัยได้สนุกกับการขับขี่ ฟีเจอร์สมัยใหม่ที่อัดแน่นภายใต้ภายในที่เรียบง่าย และดูกว้างขวางสะอาดตา ซึ่งจะสะท้อนสู่ตัวถังภายนอกแบบใหม่ดีไซน์ทันสมัย ซึ่งคาดว่าจะเป็นภายในของ MINI Cooper S EV โฉมใหม่ที่จะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้

อ่านข่าวเพิ่มเติม:

เครดิตข้อมูลจาก bmwblog.com


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง