คัดลอก URL แล้ว

MFTBC ผนึกกำลัง Hino – Toyota ร่วมพัฒนากลุ่มเทคโนโลยี CASE ในธุรกิจขนส่ง

Daimler Trucks, Mitsubishi Fuso Truck and Bus (MFTBC), Hino Motors และ Toyota Motor Corporation ได้ลงนาม MOU เพื่อผนึกกำลังร่วมกันในการเร่งพัฒนากลุ่มเทคโนโลยี “CASE” ในกลุ่มธุรกิจขนส่ง เพื่อร่วมมือการนำเสนอนวัตกรรมที่บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน สร้างสังคมแห่งการเดินทางที่มั่งคั่ง และเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีระดับโลก

MFTBC และ Hino จะรวมเข้าด้วยกันอย่างเท่าเทียม และร่วมมือกันในด้านการพัฒนา การจัดหา และการผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก ขณะเดียวกัน Daimler Trucks และ Toyota ถือหุ้นเท่ากันในบริษัทโฮลดิ้ง (จดทะเบียน) ของการควบรวมกิจการของทั้งสองบริษัท ซึ่งทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันในการพัฒนากลุ่มเทคโนโลยี CASE รวมถึงเทคโนโลยีไฮโดรเจน เพื่อสนับสนุนการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของบริษัทที่ควบรวมกัน โดยจะมีการหารือเกี่ยวกับชื่อบริษัทฯ ที่ตั้ง องค์กร ขอบเขต และเนื้อหาของการทำงานร่วมกันของบริษัทใหม่ โดยมีเป้าหมายในการรวมกิจการให้เสร็จสิ้นภายในปี 2024

Hino Poncho Z EV

ปรัชญาองค์กรร่วมกันของทั้งสี่บริษัทคือความปรารถนาที่จะ “มีส่วนร่วมในสังคมที่เจริญรุ่งเรืองผ่านอุตสาหกรรมขนส่ง” การปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันจะช่วยปกป้องรากฐานของอุตสาหกรรมรถยนต์ของญี่ปุ่น และเอเชีย อีกทั้งยังสามารถสนับสนุนลูกค้า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และอุตสาหกรรมรถยนต์ของญี่ปุ่น

นอกจากนี้ ทาง Daimler Trucks และ Toyota ต่างมีจุดแข็งใน “กลุ่มผลิตภัณฑ์เต็มรูปแบบทั่วโลก” ที่ปรับให้เหมาะกับภูมิภาค และมีตัวเลือกที่หลากหลายตามสภาพภูมิประเทศ ความต้องการของตลาด และการใช้งานของลูกค้า โดยทั้งสองบริษัทฯ ก็มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน จากความเชื่อที่ว่า ‘เทคโนโลยีของ CASE จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมก็ต่อเมื่อมันแพร่กระจายออกไป’ ทั้งสองบริษัทจะทำงานร่วมกันเพื่อปรับปรุงความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยี ลดต้นทุน และเผยแพร่กลุ่มเทคโนโลยี CASE สู่ลูกค้าและผู้บริโภคในญี่ปุ่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทั่วโลก

Fuso e Canter

กลุ่มเทคโนโลยี CASE คือการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างพื้นที่การขนส่งขั้นสูง ซึ่งประกอบไปด้วย “การเชื่อมต่อ: Connected” “ไร้คนขับ: Autonomous/Automated” “ใช้ร่วมกัน: Shared” และ “ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า: Electric” อันเป็นการยกระดับการคมนาคมแห่งอนาคต ทั้งการเดินทางส่วนบุคคล ไปจนถึงอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ การผนึกกำลังทั้ง 4 บริษัทฯ ก็จะช่วยให้สามารถขับเคลื่อนกลุ่มเทคโนโลยี CASE ให้เข้าใกล้ความเป็นจริงยิ่งขึ้น

สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ ทาง Martin Daum ซีอีโอของ Daimler Trucks ได้เผยว่า “การประกาศในวันนี้เป็นก้าวสำคัญในการทำให้อนาคตนั้นมีศักยภาพทางเศรษฐกิจและเป็นผู้นำด้านการขนส่งที่ยั่งยืน บริษัทใหม่นี้จะเป็นกำลังสำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นส่วนสำคัญของครอบครัวเดมเลอร์ ทรัค” ซึ่งคาดว่าทางกลุ่มบริษัทฯ ก็จะนำกลุ่มเทคโนโลยี CASE มาประยุกต์ใช้งานในภูมิภาคอาเซียนด้วย ซึ่งคงต้องจับตาดูความเคลื่อไหวในอนาคตกัน

เครดิตข้อมูลจาก global.toyota


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง