สวีเดน เดินหน้าสู่ผู้นำประเทศที่ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการพัฒนาถนนไฟฟ้า หรือ Electric Road System (ERS) ที่สามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ในขณะที่กำลังวิ่งบนท้องถนน ช่วยสนับสนุนการขยายระยะทางวิ่งให้ไกลยิ่งขึ้นกว่าเดิม ลดความกังวลในการตามหาสถานีชาร์จ เตรียมเดินหน้าสร้างภายในปี 2025 และรองรับการใช้งานภายในปี 2035
ประเทศสวีเดน ขานรับการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าในทุกภาคส่วน ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งรถยนต์ส่วนตัวจนถึงรถบรรทุก ซึ่งในเวลานี้ได้พัฒนาแล้วสามโครงการ เริ่มจากในปี 2016 บนถนนที่ยาวกว่า 2 กิโลเมตรใน Gävle ทางตอนกลางของสวีเดน ได้ติดตั้งระบบจ่ายไฟเหนือหัวสำหรับรถบรรทุกหนัก ซึ่งมีหลักการทำงานที่คล้ายคลึงกับรถไฟฟ้าความเร็วสูง
ต่อมาได้พัฒนาการฝังขดลวดประจุไฟฟ้าใต้ชั้นยางมะตอยบนพื้นถนนยาวกว่า 1.6 กม. ใน Gotland สำหรับรองรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบไร้สายในชุมชน และในปี 2018 ได้เปิดตัวรางชาร์จบนพื้นถนนแห่งแรกของโลกสำหรับรถบรรทุกไฟฟ้าด้วยความยาวกว่า 2 กิโลเมตร และ
สำหรับถนน ERS ภายใต้โครงการที่สี่ จะใช้ระบบชารชาร์จแบบเหนี่ยวนำ ผ่านการทำงานร่วมกันระหว่างแผ่นจ่ายพลังงานใต้ถนนที่วางเรียงกัน และอุปกรณ์ชาร์จไร้สายใต้ท้องรถ โดยเวลาที่รถวิ่ง กระแสไฟฟ้าที่อยู่บนแนวแผ่นจ่ายพลังงานจะส่งไปยังตัวรับใต้ท้องรถ ซึ่งใกล้เคียงกับเทคโนโลยี Qi ในสมาร์ทโฟน แต่เทคโนโลยี ERS นี้จะสามารถรองรับการชาร์จในระหว่างรถที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงได้โดยไม่เสียจังหวะในการชาร์จ เว้นเสียแต่ว่าผู้ขับขี่ทำการเปลี่ยนเลน
สำหรับถนนเส้นแรกที่จะใช้งานระบบ ERS คือทางหลวง E20 ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองใหญ่ของสวีเดน ได้แก่ สตอกโฮล์ม โกเธนเบิร์ก และมัลเมอ ซึ่งมีความยาวกว่า 3,000 กม. นอกจากนี้ ถนนบางเส้นในเยอรมนี และมิชิแกนก็ได้ทำการทดสอบในระยะทางสั้น ๆ ด้วย
ซึ่งเทคโนโลยี ERS นอกจากจะช่วยในการขยายระยะทางวิ่งของรถยนต์ไฟฟ้าได้ไกลขึ้นแล้ว ยังไม่มีความยุ่งยากในการใช้งาน และอาจส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาถูกลงเนื่องจากใช้ความจุแบตเตอรี่ที่น้อยลง แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าจะจำกัดเฉพาะรถยนต์ส่วนตัวหรือไม่ ขณะเดียวกันทางผู้ผลิตรถยนต์เริ่มผลิตแท่นชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบเหนี่ยวนำที่ใต้ท้องรถ แต่ยังไม่มีข้อมูลว่ารถยนต์รุ่นเก่า หรือรุ่นปัจจุบันที่จำหน่ายในสวีเดนจะมีมาตรการการอัปเกรดเพื่อรองรับการใช้งาน ERS ด้วยหรือไม่
นอกจากนี้ ทางประเทศสวีเดนได้ร่วมมือกับเยอรมนี และฝรั่งเศสเพื่อแบ่งปันประสบการณ์การใช้งาน และผลการวิจัยเพื่อต่อยอดให้ครอบคลุมทั่วยุโรปยิ่งขึ้น ขณะที่สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และอินเดียก็เพิ่มความพยายามในการพัฒนา และสร้างถนนไฟฟ้าให้มากขึ้นเป็นสองเท่า
จากข้อมูลของนักวิจัยเปิดเผยว่ามีเพียง 25 เปอร์เซ็นต์ของเครือข่ายท้องถนนในสวีเดนที่สามารถรองรับระบบจ่ายไฟฟ้าให้กับรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อนำเสนอทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงสุดได้
นับเป็นนวัตกรรมที่แฟน ๆ รถยนต์ไฟฟ้าต้องจับตามองกัน เพราะหากเทคโนโลยี ERS ได้รับการยอมรับอย่างเป็นรูปธรรม ก็จะช่วยลดความกังวลในการเข้าถึงสถานีชาร์จได้มากยิ่งขึ้น
เครดิตข้อมูลจาก euronews.com และ nordicenergy.org
