Mitsubishi ประกาศกลยุทธ์ระยะกลางที่เรียกว่า “Challenge 2025” พร้อมเผยภาพทีเซอร์โมเดลรถรุ่นใหม่ไม่น้อยกว่า 16 รุ่น ซึ่งมีกําหนดเปิดตัวภายในอีกห้าปีข้างหน้า ครอบคลุมทั้งขุมพลังเบนซิน ดีเซล ไฮบริด และ BEV ที่ครอบคลุมเซกเมนต์ทั้ง Kei Car, Supermini, SUV สองและสามแถว, รถกระบะ และมินิแวน เพื่อให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ทางบริษัทฯ จะเพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา พร้อมขยายความร่วมมือกับพันธมิตรในเครือ ทั้ง Renault และ Nissan
ความน่าสนใจของกลยุทธ์ครั้งนี้คือการเปิดตัวโมเดลรถยนต์ตระกูล xEV มากถึง 9 โมเดล และมีโมเดล BEV ที่มีมากถึง 4 โมเดล รวมถึงมีการเผยโมเดลที่เปิดตัวไปก่อนหน้าแล้ว บางรุ่นยังถูกคลุมผ้าเตรียมเปิดตัวเร็ว ๆ นี้
และหนึ่งในนั้นจะมีการประกาศเปิดตัวรถกระบะรุ่นใหม่ภายในปีนี้ เช่น All-New Triton/L200 ซึ่งมีการเผยรายละเอียดของไฟหน้า รายละเอียดตัวถัง และซุ้มล้อทรงเหลี่ยม นอกจากนี้จากรูปทรงตัวถังนั้นคาดว่าอาจจะแชร์แพลตฟอร์มร่วมกันกับ Nissan Navara โดยใช้โครงสร้างตัวถังแบบ Ladder – Frame ซึ่งรวมถึงรถ PPV อย่าง Pajero Sport ที่จะได้รับอานิสงส์ในการพัฒนาโฉมใหม่ด้วย
สำหรับรุ่นอื่น ๆ เช่น XFC Concept เวอร์ชั่นผลิตจำหน่ายจริงที่จะมาในฤดูใบไม้ผลิปี 2023, Mitsubishi Colt รถห้าประตูที่ใช้แพลตฟอร์มร่วมกับ Renault Clio รุ่นปรับโฉมใหม่ ที่เผยผ่านไฟหน้า LED ใหม่ รวมถึงปรับบุคลิกที่สะท้อนความเป็นแบรนด์ของมิตซูบิชิ, New Xpander จะเพิ่มรุ่นไฮบริดในเร็ว ๆ นี้ เป็นต้น
นอกจากนี้ กลุ่มรถยนต์ BEV ชึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบจะมีการนำเสนอรถกระบะไฟฟ้า รถเอสยูวี รวมถึงรถ Kei Car รุ่นใหม่ล่าสุด
และเพื่อสนับสนุนการเปิดตัวโมเดลใหม่ที่จะเกิดขึ้น บริษัทฯ ได้ประกาศเพิ่มงบประมาณด้านการวิจัย และพัฒนาและการลงทุนเพิ่มขึ้น 30% ขณะที่ภายในปี 2026 จะเพิ่มการลงทุนการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ไอที และธุรกิจใหม่เป็น 70% และภายในปี 2030 Mitsubishi จะลงทุน 210 พันล้านเยน (1.5 พันล้านดอลลาร์) ในการพัฒนาแบตเตอรี่ขนาด 15 GWh
มิตซูบิชิตั้งเป้ายอดขาย 1.1 ล้านคัน และมีกําไรจากการดําเนินงานสูงถึง 220 พันล้านเยน โดยมีอัตรากําไร 7% ตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโตนี้คือตลาดอาเซียนและโอเชียเนีย รวมถึงตลาดในภูมิภาคละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกาจะได้รับผลิตภัณฑ์จากอาเซียนมากขึ้น สําหรับญี่ปุ่น อเมริกาเหนือ ยุโรป และจีน ภูมิภาคเหล่านั้นส่วนใหญ่จะพึ่งพาพันธมิตรในการย้ายไปยัง “เทคโนโลยีขั้นสูง”
ในระดับโลก 50% ของยอดขายของ Mitsubishi จะคิดเป็นรุ่นไฟฟ้าภายในปี 2030 และ 100% ภายในปี 2035 ดังนั้นในปีเดียวกัน อัตราการปล่อย CO2 ของรถยนต์จะลดลง 40% และการปล่อยมลพิษจากการดําเนินงานลดลง 50% ช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์เข้าใกล้อนาคตที่เป็นกลางของคาร์บอนมากขึ้น
เครดิตข้อมูลจาก car.watch.impress.co.jp และ carscoops.com
