คัดลอก URL แล้ว
HARLEY-DAVIDSON Low Rider El Diablo

Harley-Davidson Low Rider El Diablo สานตำนาน 1983 FXRT สู่รุ่นพิเศษ 1,500 คันทั่วโลก

Harley-Davidson ส่งพลังแห่งสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์จาก “Icons Collection” ด้วยการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ Low Rider El Diablo เพื่อเอาใจเทรนด์สไตล์คัสตอมแบบฝั่งตะวันตกของอเมริกา ด้วยการรวบรวมสมรรถนะที่โฉบเฉี่ยวและความเก่งกาจของรถสปอร์ตเข้ากับกราฟฟิกจากการรังสรรค์ด้วยมือที่สวยงามน่าจับตามอง

“รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Low Rider El Diablo มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัยตามต้นฉบับของ Harley-Davidson รุ่น FXRT ปี 1983 และสื่อถึงความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นในยุคนั้น” แบรด ริชาร์ดส์ รองประธานฝ่ายออกแบบและครีเอทีฟไดเรคเตอร์ – รถมอเตอร์ไซค์ ของ Harley-Davidson กล่าวว่า

“เรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณของวัฒนธรรมต่อต้านที่รัฐแคลิฟอร์เนียทางตอนใต้ ในช่วงทศวรรษที่ 80 ด้วยสไตล์ร่วมสมัยที่มีทั้งสีแบบคัสตอมที่ประดิษฐ์ขึ้นอย่างปราณีต รวมกับลวดลายที่แสดงถึงต้นฉบับของรถมอเตอร์ไซค์รุ่น FXRT”

ศิลปะแห่งการขับเคลื่อน

Harley-Davidson Low Rider El Diablo ได้รับการคัสตอมพิเศษบนพื้นฐานจาก Low Rider ST ด้วยการเพิ่มรูปแบบของสีที่มีลวดลาย Gunslinger Custom Paint กับสีพื้นฐาน El Diablo Bright Red แต่งเติมมิติด้วยสี Bright Red Sunglo ลายเส้นสีแดงจะถูกพ่นบนตัวรถ พร้อมเลเยอร์ของสี El Diablo Dark Red และสี Dark Red Pearl ที่ค่อย ๆ จางลง เพื่อเพิ่มมิติและความลึกให้กับตัวรถ

และเมื่อพ่นสีเรียบร้อยแล้ว ลายเส้นสี El Diablo Dark Red Metallic จะพาดไปตามกระเป๋าสัมภาระด้านข้าง ถังน้ำมัน ที่บังโคลน และแฟริ่ง นอกจากนี้ ยังมีลายเส้นสี Pale Gold เป็นองค์ประกอบที่ช่วยสร้างให้ดูเหมือนความมันวาวในสไตล์การลงสีแบบลูกกวาด (Candy effect)

ในขณะเดียวกัน สีของเครื่องยนต์ ตลอดไปจนถึงท่อไอเสียจะเป็นสีดำ เพิ่มความสะดุดตาให้กับสี El Diablo อย่างโดดเด่น พร้อมด้วยล้อแบบ Radiate Cast-aluminum สีบรอนซ์เข้มแบบด้านที่ตัดกับตัวรถอย่างลงตัว

ด้วยผลงานการลงสีรุ่นพิเศษนี้ ถูกรังสรรค์ด้วยช่างฝีมือที่ประจำอยู่ที่ Gunslinger Custom Paint เมืองโกลเดน รัฐโคโลราโด ผู้คนรู้จัก Gunslinger ในนามของจิตรกร นักออกแบบ ศิลปิน และผู้นำด้านการผลิตอุปกรณ์แบบคัสตอมที่เป็นซัพพลายเออร์สำคัญให้กับรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson ตระกูล Custom Vehicle Operations (CVO) และรุ่นสี Limited Edition มาหลายทศวรรษ

ระบบเครื่องเสียงที่ทรงพลัง

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของรุ่นนี้มาพร้อมกับระบบเครื่องเสียงที่ที่โดดเด่น และเข้ากันกับแฟริ่งของรถ เครื่องขยายเสียงอัจฉริยะที่ทรงพลังด้วยเทคโนโลยีการประมวลผลสัญญาณดิจิตอล (DSP) ถูกพัฒนาขึ้นโดย Harley-Davidson และ Rockford Fosgate ได้รับการออกแบบเทคนิคทางด้านวิศวกรรม เพื่อให้เครื่องเสียงทำงานในสภาพแวดล้อมของรถมอเตอร์ไซค์ที่มีเสียงรบกวนได้ดี ระบบเครื่องเสียงจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์มือถือผ่าน Bluetooth เพื่อสามารถเล่นเพลงที่จัดเก็บในคลัง หรือจากระบบสตรีมมิ่ง ด้วยลำโพงสองทางในตัว

ลำโพงประกอบด้วยวูฟเฟอร์ ขนาด 5.25 นิ้วหนึ่งคู่ และทวีตเตอร์ในระยะไกล 2 เครื่อง เพื่อประสิทธิภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม Bluetooth เวอร์ชั่น 4.2 เพื่อการเชื่อมต่อไร้สายที่เหนือชั้น กับอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยบีบอัดไฟล์ให้เล็กที่สุดเพื่อคุณภาพเสียงที่ทรงพลัง

เครื่องขยายเสียงแบบกระทัดรัด ขนาด 250 วัตต์ ติดตั้งอยู่ภายในแฟริ่ง เพื่อให้มิติเสียงคมชัดในทุกระดับเสียง การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Harley-Davidson® Audio

ชุดเครื่องเสียงจาก Rockford Fosgate® นำเสนอคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ ได้แก่ Automatic Volume Control (AVC) ที่ช่วยให้สามารถควบคุมระดับเสียงแบบแฮนด์ฟรีตามความเร็วของตัวรถ, EQ 7-Band ที่ปรับได้, การอัพเดตเฟิร์มแวร์ และตัวกำหนดค่าระบบแบบเป็นขั้นเป็นตอน

แฟริ่งหน้าใหม่ ผสานทั้งความงดงาม และอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม

รูปทรงแฟริ่งแบบติดเฟรมได้รับแรงบันดาลใจจากแฟริ่งรุ่นคลาสสิก FXRT Sport Glide ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเหล่านักคัสตอมฝั่งตะวันตก มาพร้อมกับการทดสอบประสิทธิภาพของแอโรไดนามิกผ่านการวิเคราะห์ CFD (พลศาสตร์ของไหลเชิงคำนวณ) และการทดสอบแบบจริง

ด้วยช่องระบายอากาศที่แยกออกเป็นสามทาง แบบช่องเดี่ยวและแบบ Softail ช่วยลดการเสียดทานของลมขณะขับขี่บนทางหลวง เสริมด้วย กระบังลมสีเขม่าเข้มสูง 6 นิ้ว และแฟริ่งหน้ายังได้ออกแบบไฟหน้าแบบเดี่ยว ขนาด 5.75 นิ้ว ที่เข้ากันอย่างลงตัว

มอบสมรรถนะที่เหนือระดับ

เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 V-Twin ความจุกระบอกสูบ 117 ลูกบาศก์นิ้ว พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำมัน
มอบแรงบิดสูงถึง 125 ฟุต-ปอนด์ ที่ 3,500 รอบ/นาที เพื่อประสิทธิภาพการออกตัวที่สัมผัสได้ทุกครั้งเมื่อบิดคันเร่ง

ด้วยเครื่องยนต์ได้ปรับปรุงเพลาลูกเบี้ยวประสิทธิภาพสูงที่ถูกออกแบบมาให้สัมพันธ์กับการกระจัด และการไหลของอากาศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดของรถ กับท่อไอดี Heavy Breather ที่ถูกปรับจูนใหม่ ชิ้นส่วนตัวกรองแบบหันหน้า เพื่อให้อากาศเข้าสู่เครื่องยนต์มากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างแรงบิดช่วงกลางที่น่าตื่นเต้น และเพิ่มภาพลักษณ์แบบดุดันให้กับตัวรถ

ท่อไอเสีย Shotgun แบบเข้า 2 ออก 2 ถูกจูนมาเพื่อให้เกิดแรงบิดช่วงกลางที่กว้าง และนุ่มนวล พร้อมกับเสียงบิดที่เป็นเอกลักษณ์

Dual Counter-Balancers ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนเมื่อรถจอดอยู่กับที่ เพื่อความสะดวกสบายของผู้ขับขี่

ปิดท้ายด้วยชิ้นส่วน Screamin’ Eagle Performance Parts Stage Upgrades จาก Harley-Davidson Genuine Motor Parts & Accessories ถูกติดตั้งมาเพื่อเพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์ให้ดียิ่งขึ้น

อุปกรณ์พื้นฐานที่ครบครัน

Harley-Davidson Low Rider El Diablo จะผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 1,500 คันทั่วโลก และกำหนดระยะเวลาวางจำหน่ายตามตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Harley-Davidson จะมีขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 เป็นต้นไป


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง