ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Plai Fon Bys ได้โพสต์เรื่องราวที่เธอพบเจอ เนื้อหาระบุว่า
“ตัดสินใจอยู่นานว่าจะออกมาพูดดีมั้ย ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและพบว่า การออกมา Call Out มันช่วยเซฟน้องๆ หรือคนรอบตัวได้เยอะมาก
หลังจากที่เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น เราเอาแต่โทษตัวเองมาตลอด รู้สึกว่าตัวเองผิดและไร้ค่า ร้องไห้ทุกวัน สภาพจิตใจพังจนไม่รู้จะพังยังไง ผ่านการต่อสู้กับจิตใจตัวเองหนักมาก แอบคิดว่าเคสตัวเองน่าจะหนักสุด เพราะอดทนกับเขานานกว่าคนอื่นๆ จากคำพูดที่ว่า “พี่ยอมใจเธอเลย เธอเป็นเด็กที่อดทนกับพี่ได้นานที่สุดตั้งแต่พี่เคยเจอมา”
พึ่งตาสว่างและค้นพบความจริงจากพี่ๆหลายๆ คนและคนรอบตัว เรามองคนผิดมาตลอด พี่ๆในวงการวิทย์เลยชี้ให้เราเห็นถึงความผิดปกติของผู้ชายคนนี้ เราสอบถามน้องๆ พี่ๆ ในวงการที่มีชื่อเสียง หรืออาจารย์หลายคนก็ค้นพบคำตอบที่น่าตกใจในรูปแบบเดียวกัน
เราไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำกับผู้หญิงได้มากขนาดนี้ อยากเซฟความรู้สึกน้องๆ ที่เคยเจอเรื่องราวที่โหดร้าย รุนแรง ด่าทอ ต่อว่าให้อาย ถูกลดทอนศักดิ์ศรีและด้อยค่าความเป็นมนุษย์ ถูกทำลาย identity หรืออัตลักษณ์ของเหยื่อ ให้รู้สึกไม่เหลือความเป็นคน จนนำไปสู่การคิดฆ่าตัวตาย เราพบว่ามีผู้หญิงหลายคนที่โดนแบบนี้เหมือนเรา
ผู้หญิงบางคนรู้สึกโดนคุกคามทางร่างกายและจิตใจ ทักไปจีบ ทักหา โทรมาตอนกลางคืนทุกวัน รวมถึงรุ่นพี่ในคณะเราและคนอื่นๆ หลังไมค์มาก็โดนด้วยค่ะ (ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ)
เราพึ่งรู้ความจริงปีนี้เลยพยายามเก็บข้อมูลและทบทวนอย่างหนัก พยายามถามเขาว่ามันคือเรื่องจริงรึเปล่า คุณทำจริงรึเปล่า แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ตรงไปตรงมาสักครั้ง แถมบ่ายเบี่ยง ปกปิด และบิดเบือนความจริงกับเรา
อยากเตือนน้องๆ หรือคนรอบตัวจริงๆ ค่ะ คนคนนี้มาในรูปแบบของไอดอล คนฉลาดมีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือ พูดจาน่าฟัง มีหลักการ แม้แต่เด็กโอลิมปิก หรือคนระดับ PhD หรือป.เอก รวมถึงอาจารย์หลายๆ คนยังมองเขาไม่ออก (พี่ๆมาคุยกับเรา) มารู้ตัวอีกทีก็โดนเขาเล่นงาน และจิตใจพังกันแล้ว
เรายืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคือเรื่องจริง จากที่เป็นคนรักและปกป้องเขามาตลอด จนมารู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ถูกต้อง
เรายังไม่เจอเหยื่อที่ถูกข่มขืนหรือถูกล่วงละเมิดทางเพศนะคะ แต่การที่เราไม่เจอไม่ได้แปลว่าจะไม่มี เพราะขนาดคนที่เจอเคสเหมือนเรายังกลายเป็น PTSD (เป็นอาการที่เราเคยปากสั่น ตัวสั่นและพูดว่ากลัวแล้วๆๆ เหมือนคนบ้าไปพักนึง หลังจากที่โดนเขา gaslight ตอนกระหน่ำโทรมา) ผู้หญิงบางคนต้องหนี และกลัวเขา กลายเป็นฝันร้ายไปตลอดชีวิต
สำหรับเราที่รู้จักและสนิทสนมมานาน ผู้ชายคนนี้ฉลาดมาก เขารู้ว่ากฎหมายอะไรเอาผิดเขาไม่ได้ จึงเลือกที่จะทำร้ายจิตใจเหยื่อในรูปแบบนี้ และรู้ดีกว่าเขาไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำเลยสักนิด ไม่งั้นคงหยุดไปแล้วค่ะ
เราในฐานะสื่อ อยากออกมาตั้งคำถามและ Call Out ถึงเรื่องนี้ เพื่อความยุติธรรมระหว่างผู้กระทำผิดและผู้เสียหาย เราอยากให้สังคมตั้งคำถามว่ามันจริงเท็จแค่ไหน ทั้งพยาน ผู้เห็นเหตุการณ์และผู้เสียหาย
อยากให้หลายๆ องค์กรตรวจสอบพฤติกรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณของผู้ชายคนนี้ คนที่เรียกตัวเองว่าเป็นอาจารย์ หรือนักสื่อสารวิทยาศาสตร์
ถึงการวางตัวไม่เหมาะสมระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์
หรือการคุมคามทางเพศและจิตใจ ควบคุม หลอกใช้ ด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายกับเด็กและผู้หญิง เป้าหมายของเราไม่ได้ต้องการให้เขาติดคุกหรืออะไรนะคะ การติดคุกแต่ไม่ได้สำนึกผิด ไม่มีประโยชน์อะไร
เป้าหมายของเราคืออยากเห็นสังคมให้บทเรียนเขา จนเขาสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปว่าโคตรไม่ควรทำแบบนี้กับใคร เราเชื่อว่าตัวเราและสังคมจะให้โอกาส ให้อภัยได้ และเดินหน้ากันต่อ
สุดท้ายนี้เราอยากขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆ ที่คอยอยู่ข้างๆ ซัพพอร์ตเราตลอด ที่ช่วยปลายผ่านความยากลำบากมาได้ เราโชคดีที่อยู่ในสังคมที่แข็งแรงมาก เลยฟื้นกลับมาได้ไว และตอนนี้เข้มแข็ง เติบโตมากๆ แล้วค่ะ
เราอยากเป็นเสียงเล็กๆ ได้ออกมาพูดถึงความจริงที่เกิดขึ้น และฝากแชร์เพื่อเตือนภัยนะคะ น้องๆ หรือใครที่เจอแบบนี้ทักมาได้เลยนะ”
ล่าสุดบริษัท THE STANDARD ออกแถลงการณ์ระบุว่า เรื่อง การยุติและระงับการเผยแพร่รายการหนึ่ง เนื้อหาสรุปใจความว่า จากกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ ‘นักสื่อสารวิทยาศาสตร์’ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างนั้น บริษัท THE STANDARD ในฐานะผู้ผลิตรายการ … ขอเรียนแจ้งว่า บริษัทฯ ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว และได้มีการสอบถามข้อเท็จจริงกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นการภายในอย่างเร่งด่วนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย THE STANDARD มีข้อสรุปและมาตรการ ดังนี้
1. ยุติการเผยแพร่รายการ มีผลทันที
2. ระงับการเผยแพร่เนื้อหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าวในทุกช่องทาง โดยมีผลย้อนหลังจนถึงปัจจุบัน
3. ยุติการร่วมงานกับบุคคลดังกล่าว
4. สำหรับพนักงานที่ได้รับผลกระทบ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับสภาพจิตใจ และมีมาตรการเยียวยาอย่างรอบด้านตามกระบวนการที่เหมาะสม
5. หากมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย บริษัทฯ พร้อมที่จะให้ความร่วมมือตามกระบวนการ
THE STANDARD ยึดถือหลักการเกี่ยวกับการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำทั้งร่างกายและจิตใจในทุกรูปแบบ ทั้งนี้ THE STANDARD ได้ดำเนินธุรกิจอยู่ภายใต้กรอบของธรรมาภิบาลที่ดี มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ โดยมีนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมข้อที่ 3 ของนโยบายบริษัทฯ คือการเคารพสิทธิมนุษยชน กล่าวคือ บริษัทมีนโยบายสนับสนุนและเคารพการปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยการปฏิบัติต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ชุมชน และสังคมรอบข้าง ด้วยความเคารพในคุณค่าของความเป็นมนุษย์ บริษัท เดอะสแตนดาร์ด จำกัด
#สาวแฉไอดอลสายวิทย์ #ข่าวโมโน #MONONEWS #MONO29 #สังคมอยากรู้ดูข่าวโมโน