คัดลอก URL แล้ว
ไม่รอดสายตา! บุกทลายโกดังสินค้า ขบวนการ “หลอกเก็บเงินปลายทาง”

ไม่รอดสายตา! บุกทลายโกดังสินค้า ขบวนการ “หลอกเก็บเงินปลายทาง”

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 เมื่อเวลา 10.30 น. ตำรวจไซเบอร์นำหมายค้นเข้าตรวจสอบบริษัทแห่งหนึ่ง ย่านบางขุนเทียน พบเป็นโกดังสินค้าให้เช่าขนาดใหญ่ โดยพบนางอารียา และนายหยุน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 4422-4423 /2566 ลงวันที่ 27 พ.ย. ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน จึงได้คุมตัวไว้ อีกทั้งได้คุมตัวบุคคลต่างด้าวกว่า 20 คน ขณะกำลังนั่งแพ็คสินค้า

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าบุคคลต่างด้าวทั้ง 20 คนบางส่วนมีหนังสือเดินทางเข้ามาอย่างถูกต้อง บางส่วนไม่มีเอกสารยืนยันตัวบุคคล นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลางเป็นกล่องพัสดุ และสินค้าจำนวนมากกว่า 3 หมื่นชิ้นจึงได้ทำการตรวจยึดไว้

ด้านพล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. กล่าวว่า จากสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่านเว็บไซต์ https://www.thaipoliceonline.com พบว่า ประเภทคดีที่สร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนมากที่สุดคือ หลอกขายของออนไลน์ โดยสถิติตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. – 31 ต.ค. มีการแจ้งความ 3 .5 แสนราย เป็นเรื่องของการหลอกซื้อสินค้า 1.4 แสนราย ซึ่งทางนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้มีการตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาการซื้อสินค้า พร้อมเร่งรัดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสืบสวน กระทั่งพบว่ามีขบวนการหลอกเก็บเงินปลายทาง จึงได้ดำเนินการสืบสวนทราบว่าพัสดุดังกล่าวถูกส่งมาจากโกดังดังกล่าว จึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายค้นเพื่อเข้าตรวจสอบและจับกุมผู้ต้องหาและผู้ร่วมขบวนการ

ต่อมา พล.ต.ต.นิพนธ์ บุญเกิด ผบก.สอท.2 กล่าวว่า จากแนวทางการสืบสวน พบว่าขบวนการนี้มีชาวจีน เป็นผู้เช่า ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามตัว และจะใช้โกดังเป็นสถานที่แพ็คสินค้าใช้วิธีการเก็บสินค้าไว้ที่โกดัง แต่จะใช้วิธีนำสินค้ามาครั้งละ 3 หมื่นชิ้น เพื่อให้คนงานแพ็คสินค้าและติดลาเบล ก่อนขนย้ายเพื่อกระจายส่ง โดยเฉลี่ยแล้วในการส่งแต่ละครั้งจะมีการตีคืนพัสดุ 2.5 หมื่นกล่อง ส่งสำเร็จ 5 พันกล่องคิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าความเสียหาย 1 ล้านบาท โดยทำมากว่า 1 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้มีใช้โกดังย่านบางกระดี่ ก่อนย้ายที่ตั้งมาที่โกดังแห่งนี้

จากนั้น พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. ยังกล่าวอีกว่า ขบวนการนี้สร้างความเสียหายให้กับประชาชน บางส่วนเข้าใจว่าตนเองไม่ได้สั่งสินค้าอะไรเลย แต่จู่ๆกลับมีสินค้ามาส่งที่บ้าน แต่ก็มีประชาชนบางกลุ่ม ประมาณ 20 เปอร์เซนต์ ที่ไม่เข้าใจไม่ทันระวังก็ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งวิธีการป้องกันมิจฉาชีพเหล่านี้คือ ถ้าเราไม่ได้สั่งสินค้าอะไรก็อย่าไปหลงเชื่อ หรืออีกกรณีถ้าไม่แน่ใจว่าได้สั่งหรือไม่ ให้ใช้วิธีอัดวีดีโอ เพื่อตรวจสอบว่าของตรงกับที่เราสั่งไปหรือไม่ถ้าของตรงตามที่สั่งก็ถือว่าจบ แต่ถ้าไม่ตรงตามที่สั่งก็ให้ส่งหรือตีกลับ ซึ่งถือว่าเป็นวิธีป้องกันตัวเองที่ดีที่สุด

ส่วนการจับกุมผู้ต้องหาเราแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่1.ผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่เฝ้าโกดัง จำนวน 2 ราย ส่วนที่2 คือคนงานที่ทำงานอยู่ภายในโกดังประมาณ 20 กว่าคน ซึ่งจากการตรวจสอบน่าจะไม่มีใบอนุญาตของทำงาน ส่วนจะเป็นต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่าที่กำหนดหรือไม่ต้องรอการตรวจสอบพาสปอร์ต ส่วนที่ 3 คือบุคคลตามหมายจับ ซึ่งส่วนนี้ต้องตรวจสอบอีกทีว่าเป็นเจ้าของ หรือรับหน้าที่ในส่วนใดของขบวนการ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง