คัดลอก URL แล้ว
ฝุ่น PM 2.5 ลดลงหลายพื้นที่ สภาพอากาศส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดี

ฝุ่น PM 2.5 ลดลงหลายพื้นที่ สภาพอากาศส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดี

KEY :

สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในภาพรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตก ที่พื้นที่ส่วนใหญ่มีสภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ดี มีบางพื้นที่ที่ยังคงมีฝุ่นสะสมตัวอยู่บ้าง ในขณะที่สถานการณ์ในภาคเหนือดีขึ้น ฝุ่นลดปริมาณลดงค่อนข้างมาก แม้ว่าจะยังคงสูงเกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ก็ตาม

ภาคเหนือ

สำหรับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือวันนี้ มีทิศทางที่ดีขึ้น ปริมาณฝุ่นลดลงในหลายพื้นที่ ส่งผลให้หลายพื้นที่มีสภาพอากาศที่ดีขึ้นค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับเมื่อวานที่ผ่านมา แม้ว่าจะยังคงมีหลายจุดที่พบว่า มีค่าฝุ่นสูงเกินค่ามาตรฐานอยู่ก็ตาม

แต่สถานการณ์ก็ถือว่า มีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งในช่วงวันที่ 27 เม.ย. – 4 พ.ค. มีแนวโน้มการระบายอากาศที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ “อ่อน” โดยมีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง หลายพื้นที่ เป็นปัจจัยช่วยให้ปริมาณฝุ่นลดลงได้

ในขณะที่จำนวนจุดความร้อนในพื้นที่มีแนวโน้มลดลง

คุณอาจจะสนใจเรื่องนี้
– เช็คพื้นที่เตรียมรับมือ “พายุฤดูร้อน” 24 – 26 เม.ย.นี้ – ฝน – ลม – ลูกเห็บ

ภาพ – ศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

สำหรับในภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น สถานการณ์ในภาพรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี-ดีมาก เป็นส่วนใหญ่ มีบางพื้นที่ที่พบว่า มีสภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง แม้ว่า ในช่วง 27 เม.ย. – 3 พ.ค. สภาพอากาศยังคงอยู่ในเกณฑ์ “อ่อน-ดี” แต่การที่มีฝนฟ้าคะนองในหลายพื้นที่ รวมถึงกระแสลมแรงบางแห่ง ส่งผลให้ฝุ่นควันไม่สามารถสะสมตัวได้มากนัก

นอกจากนี้ จากการคาดการณ์ว่า จะมีฝนตกเพิ่มขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์นี้ จึงคาดว่า สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ น่าจะยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีเป็นส่วนใหญ่

ภาคกลาง – ภาคตะวันตก

สำหรับบริเวณภาคกลางและภาคตะวันตกนั้น ส่วนใหญ่สภาพอากาศยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี มีบางพืันที่ที่พบว่า มีปริมาณฝุ่นเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะทางด้านตะวันตกของภาคกลาง ต่อเนื่องภาคตะวันตก และภาคกลางตอนบนบางส่วน

ซึ่งในระยะนี้ การระบายอากาศจะอยู่ในเกณฑ์ “อ่อน-ดี” รวมถึงมีสภาวะอากาศปิดใกล้ผิวพื้น ทำให้ฝุ่นควันยังคงสะสมตัวได้ แต่ด้วยสภาพอากาศที่มีฝนฟ้าคะนอง กระแสลมแรง ทำให้ฝุ่นควันบางส่วนได้ถูกชะล้าง หรือถูกพัดกระจายออกไป

ภาพ – ศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

คุณอาจจะสนใจเรื่องนี้
พื้นที่ปลอดภัยจาก PM 2.5 ไม่ถึง 1% และผู้ที่หายใจในอากาศที่ปลอดภัยมีเพียง 0.001% เท่านั้น

กรุงเทพฯ – ปริมณฑลสภาพอากาศ

สำหรับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพ และปริมณฑล ในวันนี้ มีแนวโน้มสูงขึ้นจากเมื่อวานที่ผ่านมาในหลายพื้นที่ แม้ว่า ภาพรวมในวันนี้ สภาพอากาศยังอยู่ในเกณฑ์ดี – ปานกลาง ก็ตาม

โดยสาเหตุมาจากสภาพอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้มีภาวะอากาศปิดใกล้ผิวพื้น สลับกับภาวะอากาศเปิด และยกตัว ทำให้ในบางพื้นที่จึงมีฝุ่นควันสะสมได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การที่มีฝนและลมแรง ยังคงเป็นปัจจัยที่ช่วยลดการสะสมตัวของฝุ่นละอองในอากาศได้

แนวโน้มในช่วง 27 เม.ย. – 3 พ.ค. สภาพอากาศนั้นคาดว่า น่าจะดีขึ้นจากการที่อากาศมีแนวโน้มที่จะลอยตัวสูงขึ้น มีกระแสลมใต้ที่มีกำลังแรง ช่วยพัดฝุ่นไม่ให้สะสมในพื้นที่ได้

10 จุดค่าฝุ่นสูงสุดในไทย

สำหรับ 10 จุดที่มีรายงานค่าฝุ่นละออง PM 2.5 สูงที่สุดในประเทศเมื่อเวลา 08.00 น.จากรายงานของ ศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้แก่

จุดตรวจวัดปริมาณฝุ่น PM 2.5*
1บ้านใหม่ปูเลย
ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่
177
2บ้านหนองบัว
ต.แม่แวน อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
170
3บ้านป่าแขม
ต.แม่แวน อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
161
4บ้านห้วยทราย
ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
161
5รพ.สต.บ้านปางมะเยา
ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
160
6รพ.สต.บ้านใหม่
ต.เมืองคอง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
155
7มทร.ล้านนา (ดอยสะเก็ด)
ต.ป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
153
8รพ.ลำพูน
ต.ต้นธง อ.เมือง จ.ลำพูน
151
9บ้านป่าบง
ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
147
10บ้านหนองผา
ต.สันทราย อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
141

* ค่าฝุ่นละอองเป็นไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

รายงานจุดความร้อนในภูมิภาค

สำหรับรายงานจุดความร้อนจาก GISTDA ที่พบเมื่อวานที่ผ่านมาทั้งหมด 3667 จุดในภูมิภาค ลดลงจากวันก่อนหน้าที่พบจุดความร้อนมากกว่า 4 พันจุด ซึ่งจำนวนจุดความร้อนที่พบในภูมิภาคมีจำนวนลดลง ไม่สูงเหมือนช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

โดยพบในประเทศต่าง ๆ ดังนี้

แนวโน้มจุดความร้อนในประเทศไทยลดลงค่อนข้างมาก จากจำนวน 500 จุด ลดลงเหลือ 336 จุด แม้ว่าส่วนใหญ่จะยังคงอยู่ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือก็ตาม ซึ่งในระยะนี้ จะพบว่า บริเวณพื้นที่มีภาคกลาง มีการพบจุดความร้อนเกาะกลุ่มกันพอสมควร

โดยพบจุดความร้อนในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 243 จุด สำหรับ 10 จังหวัดที่พบจุดความร้อนสูงที่สุดได้แก่

จังหวัดจุดความร้อน
1เชียงใหม่61
2แม่ฮ่องสอน52
3เชียงราย49
4ลำปาง18
5พะเยา15
6สุพรรณบุรี12
7น่าน11
8นครปฐม11
9ตาก11
10พระนครศรีอยุธยา11

ข่าวที่เกี่ยวข้อง