Mazda Motor ประเทศญี่ปุ่น ประกาศเปิดตัว New Mazda2 โฉมปี 2023 ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์พิเศษเฉพาะตัว สีตัวถังใหม่ เตรียมวางจำหน่ายปลายเดือนมีนาคมนี้ ในราคาตั้งแต่ 1,529,000 ถึง 2,541,000 เยน หรือราว ๆ 3.86 ถึง 6.42 แสนบาท
Mazda2 ซับคอมแพ็คคาร์ที่มีอายุยืนเกือบ 10 ปี หลังจากเปิดตัวเจนเนอเรชั่นที่ 4 ภายใต้รหัสตัวถัง DJ/DL เมื่อปี 2014 ที่ผ่านมา ซึ่งในบางประเทศ เช่น ในญี่ปุ่น และในไทย ยังคงจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง โดยในโฉมปี 2023 ได้รับการปรับโฉมใหม่ภายใต้แนวคิด “ในสังคมสมัยใหม่ที่ความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น เราก็ต้องการให้คุณเห็นคุณค่าของความเป็นตัวของตัวเอง ขยายขอบเขตของกิจกรรม และสนุกกับชีวิตประจำวันของคุณกับเพื่อน ๆ”
Mazda2 จะมีการกำหนดรุ่นย่อยใหม่ที่จะมีคาแร็กเตอร์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ให้ลูกค้าสามารถเลือกสไตล์ที่เฉพาะตัวได้ดียิ่งขึ้น อาทิ 15 BD และ 15 XD, 15 SPORT และ 15 XD SPORT+ พร้อมมอบความสมบูรณ์แบบด้วยรุ่น 15 Sunlit Citrus
เริ่มจากภายนอกที่ได้ถอดองค์ประกอบที่ไม่จำเป็นออกเพื่อสร้างการออกแบบที่สดใหม่และแข็งแรง โดยสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดคือการถอดชิ้นส่วนโครเมียม พร้อมแทนที่ด้วยชิ้นส่วนสีดำเงา ทำให้มีรูปลักษณ์ที่แปลกใหม่ และทางบริษัทฯ เปิดเผยว่าจะสามารถเปิดโลกการแต่งรถทั้งภายนอก และภายในที่หลากหลายยิ่งขึ้น
รวมถึงการปรับดีไซน์กระจังหน้ากับกันชนหน้าใหม่ และกันชนท้ายใหม่ ซึ่งเป็นรายละเอียดหลัก ๆ ของการเปลี่ยนแปลง และจะส่งผลต่อการดีไซน์ชิ้นส่วนของรุ่นย่อย นอกจากนี้ในบางสีตัวถังจะได้รับฟิล์มติดหลังคาเพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับโทนสียิ่งขึ้น แม้จะไม่ใช่ตัวถังสีทูโทนก็ตาม และยังช่วยลดปริมาณการปล่อย CO2 และการใช้พลังงานอย่างมากเมื่อเทียบกับตัวถังสีทูโทนที่คุ้นเคย
อีกทั้งทางบริษัทฯ ได้ทำการปรับปรุงกระบวนการทำสีตัวถังโดยใช้สี และเทคโนโลยีการพ่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และให้ประกายที่เงางามยิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มสีตัวถังใหม่ เช่น Airstream Blue Metallic และ Aero Grey Metallic
ด้านภายในยังคงออกแบบให้มนุษย์เป็นศูนย์กลาง จึงทำให้มีการปรับปรุงอุปกรณ์ภายในไม่มากนัก เรียกว่าจัดครบครันตั้งแต่การจัดวางท่านั่ง การควบคุม การตอบสนอง และฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ครบครัน
แต่ได้มีการปรับปรุงชิ้นส่วนใหม่ เช่น แผงเรือนไมล์ที่ผลิตจากพลาสติกวิศวกรรมชีวภาพ ซึ่งเป็นวัสดุที่ทำจากวัตถุดิบจากพืช เพื่อให้ได้พื้นผิวที่มีคุณภาพสูงซึ่งไม่สามารถทำได้ด้วยการทาสีทั่วไป และยังลดการใช้สารเคมี ลดองค์ประกอบอินทรีย์จากกระบวนการผลิตเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
รวมถึงการตกแต่งภายในใช้วัสดุ และสีที่คัดสรรมาอย่างดี ซึ่งผสมผสานคุณภาพ และความขี้เล่นเพื่อสร้างพื้นที่ที่จะทำให้คุณอยากอยู่ในนั้นตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งชิ้นส่วนสีใหม่ ๆ, ชิ้นส่วนที่มีบุคลิกเฉพาะตามเกรดย่อย, รวมถึงบรรยากาศภายใน และการตกแต่งเบาะแบบใหม่ที่โดดเด่นไม่แพ้กัน
สำหรับขุมพลังและระบบขับเคลื่อนยังคงมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล, เกียร์ธรรมดา 6 สปีด กับเกียร์ออโต้ 6 สปีด และระบบขับเคลื่อนสองล้อ กับสี่ล้อเหมือนเดิม
ไฮไลท์บุคลิกแต่ละรุ่นย่อย
15 BD และ XD BD
มาพร้อมกับแนวคิด “เป็นตัวของตัวเอง คิดอย่างอิสระ และมีความรู้สึกสนุกสนาน” ซึ่ง BD ย่อมาจาก BLANK DECK เป็นศัพท์สเก็ตบอร์ดที่หมายถึงการเตรียมกระดานที่สะอาดก่อนที่จะเพิ่มชิ้นส่วนหรือสติกเกอร์ที่ถูกใจคุณลงไป
ด้วยฝาครอบดุมล้อทูโทนใหม่ มีสีให้เลือกหลากหลายที่เข้ากับสีตัวรถ นอกจากนี้ ฟิล์มหลังคายังได้รับการตั้งค่าใหม่ให้เป็นตัวเลือกของผู้ผลิต และสามารถเลือกสีขาวหรือสีดำเพิ่มเติมจากสีเดียวกับตัวรถเพื่อให้เข้ากับสีของกระจกมองข้างได้
ด้วยสีตัวถัง 11 สี แผงหน้าปัด 3 สี ฟิล์มหลังคา 3 สี และฝาครอบล้อ 6 สี คุณสามารถเลือกสีที่คุณชื่นชอบจากทั้งหมด 198 สีที่ประสานกันระหว่างภายนอกและภายใน
นอกจากนี้ลูกค้าสามารถเลือกแพ็คเกจสติ๊กเกอร์ “ROOKIE DRIVE” และ “CLAP POP” สำหรับตกแต่งตัวรถเพิ่มได้อีกด้วย
15 SPORT และ XD SPORT+
ยกระดับความสปอร์ตของ “Black Tone Edition” ยอดนิยมด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ม, ล้ออลูมิเนียมสีดำขนาด 16 นิ้ว และภายในที่มาพร้อมเบาะผ้าสีดำเดินตะเข็บด้ายสีแดง
15 Sunlit Citrus
เป็นรุ่นที่มอบฟีเจอร์ครบครันสไตล์ตัวท็อป โดยจะได้ทั้งเบาะนั่งปรับด้วยไฟฟ้า, ระบบทำความร้อนในพวงมาลัย, Smart Brake Support, Mazda Radar Cruise Control และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (Lane Keep Assist System) เป็นต้น ซึ่งจะได้รับเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
เครดิตข้อมูลจาก mazda.co.jp