สถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในไทยน่าห่วง! ข้อมูลล่าสุดจากกรมควบคุมโรคเผยว่า ปี 2568 มีผู้ติดเชื้อซิฟิลิสรายใหม่กว่า 22,870 ราย หรือคิดเป็น 35.2 รายต่อประชากรแสนคน เพิ่มขึ้นถึง 80% จากปี 2565 ที่พบเพียง 12,296 ราย โดยกลุ่มเพศชายมีอัตราการติดเชื้อสูงกว่าเพศหญิงเล็กน้อย และจังหวัดเชียงใหม่ยังคงติดอันดับพื้นที่พบผู้ป่วยมากที่สุด
ขณะเดียวกัน หนองใน ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยพบผู้ป่วยปีนี้จำนวน 12,480 ราย (19.2 ต่อแสนคน) เพิ่มจากปี 2565 ที่มีเพียง 5,625 ราย โดยเพศชายยังคงเป็นกลุ่มที่พบการติดเชื้อมากกว่า
ซิฟิลิส & หนองใน—รู้ไว้ก่อนสาย
ซิฟิลิส เกิดจากเชื้อ Treponema pallidum
ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
อาการแบ่งเป็นหลายระยะ ตั้งแต่แผลเดี่ยวไม่เจ็บ (ระยะที่ 1), ผื่นและไข้ (ระยะที่ 2), ไปจนถึงระยะซ่อนเร้นที่ไม่มีอาการ แต่หากปล่อยไว้ อาจลุกลามทำลายหัวใจ สมอง ดวงตา หรือหูได้ในระยะที่ 3
หนองในเกิดจากเชื้อ Neisseria gonorrhoeae
ผู้ชายมักมีอาการปัสสาวะแสบขัด หนองไหลจากท่อปัสสาวะ ส่วนผู้หญิงอาจไม่มีอาการชัดเจน แต่เสี่ยงตกขาวผิดปกติ ปวดท้องน้อย หรือเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ หากไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ เป็นหมัน หรือการติดเชื้อกระจายไปยังหัวใจ ข้อ และเยื่อหุ้มสมอง
ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวัง
- การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย
- การเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- การติดเชื้อจากแม่สู่ลูกระหว่างตั้งครรภ์ (ซิฟิลิส) หรือขณะคลอด (หนองใน)
ป้องกันได้ รักษาได้
ทั้งซิฟิลิสและหนองในสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ หากตรวจพบและรักษาเร็ว รวมถึงต้องให้คู่นอนเข้ารับการรักษาด้วย เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ
“โรคเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของวัยรุ่นยุคนี้ โดยเฉพาะเมื่อพฤติกรรมทางเพศเปลี่ยนไปเร็ว และการใช้ถุงยางอนามัยยังไม่ครอบคลุม เราอยากให้เยาวชนเห็นความสำคัญของการป้องกันและการตรวจสุขภาพทางเพศอย่างสม่ำเสมอ”
— อ.พญ.กวิสรา กระแสเวส อาจารย์ประจำหน่วยโรคติดเชื้อและเวชศาสตร์เขตร้อน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าว