เมื่ออายุมากขึ้น การสูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าหากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาผิวแก่ก่อนวัยได้ ทำยังไงให้ผิวหน้าดูเด็กไม่แก่ก่อนวัย ขอนำคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญมาให้ลองไปปรับใช้กัน
สาเหตุของผิวแก่ก่อนวัย 2 ประการ คือ
1.ปัจจัยภายในร่างกาย หมายถึงปัจจัยทางพันธุกรรมและด้านร่างกาย รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนตามช่วงวัย
2.ปัจจัยภายนอก คือสิ่งที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น มลภาวะหรือรังสียูวี นิสัยการใช้ชีวิต และการสูบบุหรี่หรือกินน้ำตาลมากเกินไป
ดังนั้นเพื่อให้ผิวพรรณของเรายังคงดูดี แม้อายุจะมากขึ้น ควรมุ่งเน้นจัดการไปที่ปัจจัยภายนอกที่เราสามารถควบคุมได้ โดยทำตามข้อที่ควรทำและไม่ควรทำ 7 ประการ ดังต่อไปนี้
ไม่ควรทำ: พึ่งค่าการป้องกันแสงแดดจากเครื่องสำอางเพียงอย่างเดียว
แม้ปัจจุบันเครื่องสำอางจำนวนมากจะที่มีค่าการป้องกันแสงแดด หรือ SPF มากขึ้น แต่เครื่องสำอางเหล่านี้มักไม่อาจให้การปกป้องผิวที่ครอบคลุมเสมอไป เช่น กันรังสี UVB ที่ทำให้ผิวหนังแดงและไหม้จากแสงแดดได้ แต่ไม่สามารถป้องกันรังสี UVA ซึ่งเป็นรังสีที่ทำให้เกิดริ้วรอยและจุดด่างอายุ
ควรทำ: ทาครีมกันแดดที่มี ค่า SPF ครอบคลุมทั้ง UVA และ UVB ก่อนแต่งหน้า
2.ไม่ควรทำ: ใช้สบู่ที่ทำให้ผิวแห้ง
สบู่ก้อนทั่วไปอาจมีส่วนผสมของ แอลกอฮอล์ น้ำหอม และสารทำความสะอาดซัลเฟต ที่จะดึงน้ำมันตามธรรมชาติออกจากผิว ทำให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอลงจนผิวแห้งขาดน้ำ และไม่สามารถป้องกันตัวเองจากการระคายเคืองได้ เช่น มลภาวะ ไวรัส และแบคทีเรีย ถึงแม้ว่าผิวแห้งจะไม่ทำให้เกิดริ้วรอย แต่ก็ทำให้ริ้วรอยเห็นเด่นชัดขึ้น
ควรทำ: ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ให้ความชุ่มชื้น ปราศจากสารซัลเฟต และตามด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน A, C และ E
3.ไม่ควรทำ: ละเลยการนอนหลับ
เมื่อร่างกายของเราได้พักผ่อน ร่างกายจะฟื้นฟูตัวเองใหม่ ช่วยสร้างเซลล์ผิวใหม่ กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน และช่วยให้ผิวได้หยุดพักจากสิ่งรบกวนภายนอก (รังสียูวี มลภาวะ) จากผลการศึกษาในหัวข้อ “คุณภาพการนอนมีผลต่อความแก่ชราที่ผิวหรือไม่” ของภาควิชาโรคผิวหนัง ศูนย์การแพทย์ UH Cleveland** พบว่า การนอนหลับที่ไม่ดีอย่างเรื้อรังมีความสัมพันธ์กับความแก่ชราที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยภายใน ส่งผลให้ปราการผิวทำงานลดลง และความมั่นใจด้านรูปลักษณ์ภายนอกลดลง
ควรทำ: นอนหลับให้พอ 6 ถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน และพยายามรักษาสุขอนามัยในการนอนหลับที่ดี เช่น
· ตื่นและเข้านอนในเวลาเดียวกันทุกวัน
· ดูให้แน่ใจว่าห้องนอนของเราเงียบและมืดสนิทก่อนเข้านอน
· หลีกเลี่ยงการจ้องหน้าจอก่อนเข้านอน
4.ไม่ควรทำ: ขยี้ตาเป็นประจำ
ผิวหนังรอบดวงตาบอบบางเป็นพิเศษ ดังนั้นการขยี้บ่อยๆ อาจทำให้เกิดริ้วรอย และรอยคล้ำได้ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคผิวหนังอย่าง โรคผิวหนังอักเสบ โรคผื่นผิวหนัง หรือภูมิแพ้ ทำให้ขยี้ตาบ่อย
ควรทำ: ไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้หรือแพทย์ผิวหนัง เพื่อตรวจหาสาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองและต้องขยี้ตา รวมไปถึงการรักษาที่เหมาะสม
5.ไม่ควรทำ: ปล่อยให้ตัวเองเครียดบ่อย ๆ
จากบทความของ Harvard Health ในหัวข้อว่า “ความเครียดมีผลต่อผิว และร่างกายด้านอื่น ๆ”*** ได้ระบุไว้ว่า ความเครียดสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวโดยรวม และทำให้ปัญหาผิวหลายอย่างรุนแรงขึ้น ทั้งโรคสะเก็ดเงิน ผิวหนังอักเสบ สิว และผมร่วง เนื่องจากความเครียดเรื้อรังเชื่อมโยงกับการผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลที่มากเกินไป ทั้งยังมีส่วนทำให้แก่เร็ว เพราะร่างกายเกิดการอักเสบที่เพิ่มขึ้นและมีการผลิตเซลล์อนุมูลอิสระมากเกินไป
ควรทำ: ลองเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และวิธีคิดใหม่เพื่อลดความเครียด ตัวอย่างเช่น
· รับประทานอาหารที่สมดุล
· ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
· นอนหลับให้เพียงพอ
· ลองทำสมาธิ
6.ไม่ควรทำ: ใช้หลอด
การห่อริมฝีปากซ้ำๆ ทำให้เกิดริ้วรอยรอบปาก เนื่องจากเวลาที่เราจิบน้ำจากหลอดทำให้กล้ามเนื้อบริเวณริมฝีปากจะถูกกระตุ้น ยิ่งเรากระตุ้นกล้ามเนื้อมากเท่าไรก็ยิ่งสร้างรอยย่นในผิวหนังมากขึ้น โดยเฉพาะอายุที่มากขึ้น เนื่องจากผิวหนังสูญเสียอีลาสติน
ควรทำ: พยายามหลีกเลี่ยงการใช้หลอดทุกครั้งที่ทำได้ รวมทั้งยังช่วยสิ่งแวดล้อมด้วยการลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
7.ไม่ควรทำ: ละเลยการใช้แว่นกันแดด
คนส่วนใหญ่มักสวมแว่นกันแดดเพียงเพื่อลดแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์เท่านั้น แต่ความจริงแล้วแว่นกันแดดเป็นหนึ่งในไอเท็มสำคัญในชีวิตประจำวัน เพราะสามารถช่วยปกป้องดวงตาจากรังสียูวีที่เป็นอันตรายต่อเปลือกตา เลนส์ จอประสาทตา และกระจกตาได้ ไม่ว่าจะเป็นวันที่มีเมฆมากหรืออากาศหนาวก็ตาม รวมทั้งรังสียูวียังสร้างความเสียหายต่อผิว ทำให้เกิดความแห้งกร้าน ริ้วรอย ความเหี่ยวย่นของผิวหนังที่เด่นชัด ตลอดจนสูญเสียความยืดหยุ่น และเกิดรอยด่างดำ
ควรทำ: สวมแว่นกันแดดมีคุณภาพที่สามารถป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้ 100%
ที่มา : ลอร่า ชาคอน-การ์บาโต ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาและการฝึกอบรมด้านโภชนาการทั่วโลกของเฮอร์บาไลฟ์