ในปัจจุบัน “ยางรถยนต์” มีหลากชนิด และมีหลากรูปแบบให้ลูกค้าได้เลือกซื้อมาใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝน ยางรีดน้ำ จะได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ซึ่งยางประเภทนี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางช่วงหน้าฝนได้ดีขึ้น ซึ่งในวันนี้จะพาผู้ใช้รถมาทำความรู้จักคุณสมบัติของยางรีดน้ำ และข้อควรรู้ก่อนเปลี่ยนและใช้ยางประเภทนี้เพื่อเพิ่มทั้งความปลอดภัย และความคุ้มค่าตลอดอายุการใช้งานกัน
การทำงานของยางรีดน้ำ
การขับขี่บนท้องถนนจริง ผู้ขับขี่จะพบทั้งฝนตกถนนเปียกลื่น แอ่งน้ำ หรือแม้แต่น้ำท่วมขัง ซึ่งจะส่งผลต่อการเกาะถนนของล้อเป็นอย่างมาก เนื่องจากเวลาขับรถตอนเจอน้ำขัง มวลน้ำจะมารวมกันที่หน้าล้อ และบริเวณใต้ล้อจนเกิดเป็นเบาะรองล้อ หรือที่เรียกว่าอาการเหินน้ำ (Hydroplaning) ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกล้อไม่เกาะกับถนนจนไม่สามารถควบคุมรถยนต์ได้ ท้ายสุดก็จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าถนนที่แห้ง
โดยยางแบบปกตินั้นจะมีร่องดอกยากหลัก พร้อมเส้นทแยงรองที่ช่วยในการเพิ่มการเกาะถนนแห้ง และช่วยรีดน้ำบนถนนที่เปียกลื่น จึงทำให้ยางชนิดนี้สามารถใช้งานได้ทั้งบนพื้นถนนแห้ง เเละถนนที่เปียกในระดับหนึ่ง
ทางผู้ผลิตยางจึงต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการรีดน้ำออกจากล้อได้มากขึ้น และทำให้ล้อแห้งเร็วขึ้น ด้วยการออกแบบดอกยางเป็นแบบทิศทางเดียว (Directional) ทั้งซ้าย และขวา เพื่อเพิ่มคุณสมับติในการรีดน้ำออกจากยางขณะขับขี่บนพื้นถนนเปียก โดยสามารถรีดน้ำได้ปริมาณมากถึง 10-15 ลิตร/วินาที หรือสามารถรีดน้ำได้สูงถึง 40 ลิตร/นาที ในความเร็ว 100 กม.
และถึงแม้จะขับขี่บนถนนที่แห้ง ตัวยางรีดน้ำเองก็สามารถเกาะถนนได้ดีไม่แพ้กัน เนื่องจากมีการออกแบบดอกยางที่รองรับสำหรับถนนที่แห้ง และช่วยในการควบคุมการทรงตัวควบคู่ด้วย
การเลือกซื้อยางรีดน้ำ
การเลือกใช้ยางรีดน้ำควรพิจารณาถึงทิศทางของดอกยางที่จะควบคุมการไหลของน้ำและอากาศ โดยสังเกตจากสัญลักษณ์ลูกศรที่อยู่ข้างยางเพื่อบอกทิศทางการหมุนของยาง เพื่อที่ช่วยในการติดตั้งล้อยางให้ถูกตำแหน่งทิศทางการหมุนของล้อ และช่วยให้การรีดน้ำมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
อีกทั้งควรเลือกยางที่มีขอบความสูงประมาณ 55 – 65% ของหน้ายางเพราะจะทำให้เวลาใช้งานจริงจะมีความหยุ่นตัว การทรงตัวของรถดี โดยเฉพาะรถขนาดใหญ่ ๆ ที่ต้องการทรงตัวแบบพิเศษ เช่น รถกระบะ
และที่สำคัญ ควรเลือกซื้อยางที่มีการจัดเก็บรักษาไว้อย่างดี มีการรับประกันยางอย่างครบถ้วน เพื่อให้คุณสามารถใช้ยางรถยนต์ได้เต็มที่ตลอดอายุการใช้งาน
ยางรีดน้ำใช้ลุยน้ำท่วมได้หรือไม่
แม้ว่ายางรีดน้ำจะช่วยรีดน้ำออกจากใต้ยางรถได้มากขึ้น แต่จะใช้ได้ดีเฉพาะน้ำที่ขังไม่สูงมาก เพราะแม้จะมียางรีดน้ำ แต่ถ้าหากน้ำขังสูงพอที่หน้ายางจมไปในระดับหนึ่ง ก็จะไม่ได้ช่วยรีดน้ำออกได้มาก และมวลน้ำเองก็จะไปเกาะตามระบบเบรก เพลา หรือแม้แต่เข้าห้องเครื่องเพิ่มความเสี่ยงต่อความเสียหายในระยะยาว แต่ทั้งนี้หากพ้นจากน้ำท่วมขังก็จะช่วยรีดน้ำออกจากยางได้ไวกว่ายางธรรมดา
ไม่ว่าคุณจะใช้ยางธรรมดา หรือยางรีดน้ำ ทางที่ดีที่สุดสำหรับการขับฝ่าน้ำท่วมตื้น ๆ คือขับรถด้วยความเร็วต่ำอยู่เสมอ
แม้ว่ายางรีดน้ำจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเกาะถนนเมื่อถนนเปียกน้ำ หรือเจอฝนตก หรือขับฝ่าน้ำท่วมขังต่ำ ๆ จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น แม้จะไม่ได้เพิ่มความปลอดภัย 100% ในทุกย่านความเร็ว แต่ก็ช่วยได้ดีกว่ายางรถแบบธรรมดา แต่ไม่ว่าจะใช้ยางธรรมดา หรือยางรีดน้ำ สิ่งสำคัญที่สุดของการขับขี่ช่วงหน้าฝนก็คือการขับรถด้วยความเร็วต่ำ หลีกเลี่ยงการขับรถลุยน้ำท่วม เติมลมยางเพิ่มขึ้นอีก 2 – 3 ปอนด์ และควรเปลี่ยนยางใหม่เมื่อดอกยางตื้นจนเห็นสะพานยาง ยางเสื่อม ยางที่ผ่านการปะ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในระหว่างการขับขี่ในช่วงหน้าฝนนี้
อ่านข่าวเพิ่มเติม:
- รับมือ ‘ชนแล้วหนี’ ไม่ยากอย่างที่คิด ช่วยได้ทั้งตามคนผิด ถึงเคลมประกัน
- ทางเลือกสู่ทางออกก่อน ‘ถูกยึดรถ’ ช่วยให้คุณได้ใช้รถต่อ หรือเจ็บน้อยสุด
- เทคนิคเอาตัวรอดจากการถูกฟ้าผ่าใส่ตัวรถ เสี้ยววินาทีที่ไม่ควรประมาท