จากความสำเร็จของซีดานซาลูนขุมพลังไฟฟ้าจาก BMW อย่าง All-new i7 ที่ได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ของวงการรถยนต์ไฟฟ้าลักซ์ซัวรี่ในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ล่าสุดผนึกกำลัง M GmbH ในการยกระดับสมรรถนะให้แรงล้ำอีกขั้นด้วย BMW i7 M70 xDrive ที่อาจเรียกได้ว่าซูเปอร์ซาลูนไฟฟ้าที่ทรงพลังที่สุดแห่งปี ที่แฟน ๆ BMW M ไม่ควรพลาด
อัปเกรดมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ เค้นสมรรถนะให้สูงถึง 660 แรงม้า และ 1100 นิวตันเมตร
สำหรับ BMW รุ่น i7 xDrive60 ซึ่งเป็นรุ่นที่จำหน่ายในปัจจุบัน จะมาพร้อมระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว ที่ให้กำลังรวมสูงสุด 400 กิโลวัตต์ หรือ 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 745 นิวตันเมตร ผสานด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้า BMW xDrive และเทคโนโลยี BMW eDrive เจนเนอเรชั่นที่ 5 ให้อัตราเร่งจาก 0 – 96 กม./ชม. ได้ราว ๆ 4.5 วินาที
อ่านข่าวเพิ่มเติม:
- BMW i7 ยนตรกรรมซีดานพรีเมียมขุมพลังไฟฟ้าสุดล้ำทุกมิติ เริ่ม 7,599,000 บาท
- BMW X5 M & X6 M ซูเปอร์เอสยูวีระดับเรือธง แรงล้ำด้วยขุมพลัง Mild Hybrid ใหม่ล่าสุดของซีรี่ย์ M
- BMW XM ซูเปอร์เอสยูวี V8 PHEV 644 แรงม้ารุ่นแรกที่ทรงพลังที่สุดจาก M
แต่ BMW i7 M70 xDrive ได้ปรับปรุงเพื่อมอบสมรรถนะสูงสุด 485 กิโลวัตต์ หรือ 660 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิดกระชากใจ 1100 นิวตันเมตร สามารถเค้นอัตราเร่งจาก 0 – 96 กม./ชม. ได้ภายใน 3.5 วินาที แม้จะมีตัวถังที่หนักถึง 2,689 กก. ก็ตาม ทลายสถิติอัตราเร่งของซีรี่ย์ 7 อย่าง M760e xDrive’s ด้วยส่วนต่างเพียง 0.8 วินาที และเมื่อเทียบกับรุ่นเอสยูวีที่ทรงพลังจากแบรนด์ M อย่าง BMW XM Label Red แม้จะมีแรงม้าสูงกว่า แต่แรงบิดน้อยว่าระดับหนึ่ง และทำอัตราเร่งได้เพียง 3.7 วินาที หรือเชือดเฉือนด้วยส่วนต่าง 0.2 วินาที
แม้ในรุ่น BMW i7 M70 xDrive มอเตอร์ล้อหน้าที่ให้สมรรถนะไม่ต่างจาก i7 xDrive60 ด้วยกำลัง 193 กิโลวัตต์ หรือ 259 แรงม้า (PS) แต่มอเตอร์ไฟฟ้าล้อหลังได้รับการปรับปรุงใหม่ด้วยการเพิ่มขดลวดกระตุ้นในสเตเตอร์ของมอเตอร์เป็นสองเท่า จนสามารถเค้นสมรรถนะได้ทรงพลังขึ้นกว่าเดิม 50% จาก 233 กิโลวัตต์ หรือ 312 แรงม้า (PS) เป็น 360 กิโลวัตต์ หรือ 490 แรงม้า (PS) สามารถส่งกำลังได้อย่างสม่ำเสมอ ให้สมรรถนะที่สูงในช่วงความเร็วกลางได้อย่างดีเยี่ยม จนแทบเรียกได้ว่าเป็นมอเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยพัฒนาขึ้นมา
และด้วยโหมด Sport สามารถเค้นแรงบิดรวมให้สูงถึง 1,014 นิวตันเมตรในระหว่างออกตัวพร้อมเปิดระบบควบคุมการออกตัว และสามารถเค้นแรงบิดต่อเนื่องถึงเพดานสูงสุด 1100 นิวตันเมตร แต่หากผู้ขับขี่ต้องการบูสท์แรงบิดสูงสุดในระยะเวลาสั้น ๆ ด้วยฟังก์ชั่น M Sport Boost พร้อมโหมด “over-boost” ซึ่งนอกจากจะช่วยเร่งความเร็วแล้ว ยังมาพร้อมกับเสียงสังเคราะห์พิเศษที่รังสรรค์โดยนักประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ Hans Zimmer
โหมด Max Range ช่วยจำกัดการใช้พลังงานแบบ Old School
ด้านแหล่งจ่ายพลังงานนั้นระบุว่าใช้แบตเตอรี่ 101.7 กิโลวัตต์ ขนาดเดียวกันกับ i7 xDrive60 ด้วยการใช้พลังงานที่สูง และน้ำหนักมากขึ้น ส่งผลให้ระยะทางวิ่งไกลที่สุดต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้งต้องลดลงจาก 509 กม. เป็น 472 กม. (EPA) ขณะเดียวกันประสิทธิภาพการชาร์จสูงสุดหากชาร์จผ่าน DC จะสามารถรองรับได้สูงสุด 195 กิโลวัตต์ หรือชาร์จจาก 10 – 80% ได้ภายใน 34 นาที
ความพิเศษของรุ่นนี้คือการเปิดตัวโหมดใหม่ล่าสุด “Max Range” โดยโหมดนี้จะจำกัดความเร็วสูงสุด 90 กม. / ชม. และปิดการใช้งานสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่คุณใช้งาน เช่น ระบบปรับอากาศ ระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ไม่จำเป็นต่อระบบขับขี่หลัก, ระบบควบคุมอุณหภูมิในเบาะและพวงมาลัย เป็นต้น ซึ่งจะช่วยยืดระยะทางให้วิ่งได้ไกลขึ้น หรือใช้ไฟฟ้าน้อยลงเพื่อเพิ่มโอกาสในการหาสถานีชาร์จที่พร้อมใช้งานจริง ๆ
เซ็ตช่วงล่างใหม่ตอบรับความแรงเต็มพิกัด
และเพื่อให้รองรับกับสมรรถนะที่เพิ่มสูงขึ้น ตัวรถมาพร้อมกับการอัปเกรดแชสซีใหม่จาก M, ติดตั้งโช้คอัพถุงลมทั้งสองเพลาแบบปรับได้พร้อมแดมเปอร์ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถปรับได้ด้วยตัวเองโดยอัตโนมัติ, เพิ่มแผงเสริมระหว่างแผงกั้นและเสาสตรัทด้านหน้าเพื่อยกระดับความแข็งแรงของโครงสร้าง รวมถึงใช้เทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง Integral Active Steering และ Active Roll Stabilization ทำงานร่วมกัน
พร้อมคาลิเปอร์เบรก M Sport สีน้ำเงิน ที่จับจานเบรกขนาดใหญ่, ล้ออัลลอยที่มีทั้งแบบ 20 นิ้ว และล้ออัลลอย M 21 นิ้ว และมียางสมรรถนะสูงเป็นออพชั่นเสริม
อัปเกรดบุคลิกใหม่ในสไตล์ M
สำหรับรถรุ่นนี้จะได้รับการอัปเกรดบุคลิกใหม่ด้วยชุดแต่งจาก M อาทิ สเกิร์ตข้าง M, โลโก้ M พร้อมชิ้นส่วนตกแต่งแผงด้านข้างด้านหน้า, ชิ้นส่วนตกแต่ง M High-gloss Shadowline รอบคัน และกระจกมองข้าง M สีดำเงา ที่ดีไซน์ใหม่ให้มีความสปอร์ตยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันหากลูกค้าเลือกเสริมแพ็คเกจพิเศษ M Performance Professional จะได้รับสปอยเลอร์หลัง M สีดำ และชิ้นส่วนอื่น ๆ ควบคู่ด้วย อีกทั้งยังมาพร้อมกับสีตัวถังสุดพิเศษจาก BMW Individual ที่มีให้เลือกกว่า 100 เฉดสี
ขณะที่ภายในได้มีการตกแต่งบุคลิกพิเศษจากชุดแต่ง M หลายรายการ รวมถึงระบบปฏิบัติการ 8.5 ใหม่ของ BMW ที่ได้รับการปรับปรุงโครงสร้างเมนู และเสนอทางลัดการเข้าสู่โหมด “QuickSelect” ให้สะดวกยิ่งขึ้น
BMW i7 M70 xDrive จะเริ่มวางจำหน่ายภายในครึ่งปีหลัง 2023 จะผลิตที่โรงงาน Dingolfing ในเยอรมนี ควบคู่ไปกับการผลิตมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่สำหรับ i7 ส่วนราคาจำหน่ายจะเปิดตัวในลำดับต่อไป สำหรับ BMW i7 xDrive60 ที่จำหน่ายในไทยจะมีราคาเริ่มต้นที่ 7,599,000 บาท ซึ่งคาดว่าราคาของซูเปอร์ซาลูนจาก M นี้อาจจะสูงกว่า 8 ล้านบาทขึ้นไปโดยประมาณ
เครดิตข้อมูลจาก carscoops.com