KEY :
- ท่ามกลางความสับสน และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายใน Twitter ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้มีรายงานชื่อว่า “Twitter Files” เกิดขึ้น
- โดยนักข่าวจำนวนหนึ่งได้ข้อมูลเกี่ยวกับความร่วมมือของ Twitter กับหน่วยงานของสหรัฐฯ เช่น FBI, CENTCOM, กระทรวงความมั่นคงฯ ฯลฯ
- และได้มีการสร้าง Blacklists, Whitelists เพื่อ “ลด-เพิ่ม” การมองเห็นมากกว่าปรกติ
- รวมถึงความร่วมมือในการ “แบน-ระงับบัญชี” Twitter บางบัญชีด้วย
- ทางด้านของ FBI ระบุว่า รายงานฉบับนี้ เป็นเพียงทฤษฎีสมคบคิดเท่านั้น
…
ภายหลังจากที่อีลอน มัสก์ได้เข้าซื้อกิจการของ Twitter เมื่อไม่นานมานี้ และมีการปรับโครงสร้างหลายอย่างของ Twitter ส่งผลให้มีการปรับลดจำนวนพนักงานของบริษัทจำนวนมาก จนเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก ซึ่งรวมถึงทีมงานที่คอยดูแลและกลั่นกรองเนื้อหา และความปั่นป่วนจากเรื่องการกลั่นกรองเนื้อหานำมาสู่การเปิดเอกสารภายในของ Twitter กับนักข่าว 3 คน คือ Matt Taibbi, Bari Weiss และ Lee Fangรวมถึงนักเขียน Michael Shellenberger อีกหนึ่งคน
…
#TWITTER_Files_01 – เปิดประเด็น
Matt Taibbi ได้เปิดประเด็นแรกของการเรื่องนื้ โดยระบุว่า ผู้คนทั่วไปมักนึกถึง Twitter จากความเป็นโซเซียลมีเดียวที่เปิดกว้าง ให้ผู้คนได้แบ่งปันความคิด และข้อมูลได้โดยอิสระ แต่เมื่อเวลาผ่านไป Twitter จำเป็นต้องเพิ่มเครื่องมือสำหรับการควบคุมการแสดงออก เพื่อสู้กับสแปม และมิจฉาชีพต่าง ๆ ที่ใช้ twitter เป็นช่องทางเผยแพร่ข้อมูล และหลอกลวง
ในขณะเดียวกัน เครื่องมือที่สร้างขึ้น ค่อย ๆ ถูกพัฒนาและถูกใช้งานมากขึ้น จนกระทั่ง มี “คำร้องขอ” จาก “บุคคลภายนอก” เข้ามา เช่น การร้องขอให้ช่วยตรวจสอบเนื้อหาที่ไม่ถูกต้องจากคนดัง นักการเมือง พรรคการเมืองมากขึ้น
Taibbi ระบุว่า เมื่อ 14 ตุลาคม 2020 เว็บไซต์ของ New York Post ได้เผยแพร่ BIDEN SECRET EMAILS ที่กล่าวถึงเนื้อหาในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของ ฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายของโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และในเวลาต่อมา ลิ้งดังกล่าวถูกลบออกไป บางส่วนถูกแจ้งเตือนด้วยข้อความว่า ไม่ปลอดภัย
ไม่นานบัญชีของ Kaleigh McEnany โฆษกทำเนียบขาว ถูกบล็อก หลังทวีตข้อความที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ทำให้ทีมงานหาเสียงของทรัมป์ ถึงกับควันออกหู ขอให้ Twitter ชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งคำตอบที่ได้รับนั้น อ้างถึงข้อตกลงข้อหนึ่งของ Twitter ที่อ้างสาเหตุว่า เป็นการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกแฮค
…
#TWITTER_Files_02 – บัญชีดำลึกลับ
Bari Weiss ได้เปิดประเด็นของ TWITTER_Files ต่อ โดยกล่าวถึง “บัญชีดำลึกลับ” ในระบบของ Twitter ที่มี ซึ่งใครที่อยู่ในบัญชีดังกล่ว “จะถูกลดการมองเห็น” ซึ่ง Weiss ได้ยกตัวอย่างและภาพประกอบในบางบัญชีที่ถูกจัดอยู่ในระดับต่าง ๆ ของ “บัญชีดำ” เช่น
- Trends Blacklist : ป้องกันไม่ให้ข้อความติดเทรนด์
- Search Blacklist
- Do Not Amplify
ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา Twtter ระบุว่า ไม่มีการลดการมองเห็น ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกในมุมมองทางการเมืองใด ๆ ก็ตาม แต่จากข้อมูลพบว่า ภายในองค์กรณ์ของ Twitter เรียกสิ่งเหล่านี้ว่า “Visibility Filtering” หรือ “VF.” โดยหนึ่งในวิศวกรของ Twitter ระบุกับ Weiss ว่า “เราควบคุมการมองเห็นได้บางส่วน และเพิ่มการมองเห็นในบางส่วน โดยผู้ใช้งานทั่วไปไม่รู้” และสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ อยู่ภายใต้ทีมที่ชื่อว่า Strategic Response Team – Global Escalation Team, หรือ SRT-GET
…
#TWITTER_Files_03 – กำจัด “โดนัลด์ ทรัมป์”
หนึ่งในบัญชีดังที่ถูกปิดและเป็นข่าวไปทั่วโลกนั่นคือ การที่ Twitter ปิดบัญชีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ภายหลังความวุ่นวายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ โดย Matt Taibbi ระบุถึงการข้อมูลการปิดบัญชีทวิตเตอร์ของทรัมป์ว่า
เกิดขึ้นในช่วง 6 – 8 ม.ค. โดยมีความโกลาหลเกิดขึ้นภายใน Twitter แต่ท้ายที่สุดแล้ว บัญชีของทรัมป์ ก็ถูกปิด พร้อมกับการควบคุมการเปลี่ยนผ่านบัญชี @Potus , @WhiteHouse โดยจะไม่ระงับบัญชีเหล่านี้
และมีการพูดถึงความสัมพันธ์กับรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มากขึ้นทั้งการประชุมร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น FBI, กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) หรือ ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ
โดย Taibbi ได้ยกตัวอย่างข้อความที่ถูกแจ้งจาก FBI มายัง Twitter ก่อนที่ในเวลาต่อมา ข้อความดังกล่าวจะถูกระบบขึ้นแจ้งเตือนว่า “พิสูจน์แล้วว่า เป็นเท็จ”
…
#TWITTER_Files_04 – กำจัด “โดนัลด์ ทรัมป์”
Michael Shellenberger ได้ต่อเนื่องจากประเด็นในการปิดบัญชีทวิตเตอร์ของทรัมป์ โดยระบุว่า จากความวุ่นวายในการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ ที่เกิดขึ้น Twitter เผชิญแรงกดดันจากภายนอก เมื่อมีการเรียกร้องให้ปิดบัญชีโดนัล ทรัมป์ จากสิ่งที่ทรัมป์ได้ทวีตในช่วงเวลาดังกล่าว ในขณะที่ภายในของ Twitter เอง พนักงานส่วนใหญ่ ก็สนับสนุนพรรคเดโมแครตมากกว่าพรรครีพับลิกันของทรัมป์อย่างมาก
ก่อนนำมาสู่การ “ปิดบัญชี” โดนัลด์ ทรัมป์
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ สร้างแรงกระเพื่อมภายในบริษัทถึง มาตรการการควบคุมและตัดสินใจในเรื่องของการควบคุมการเผยแพร่ข้อความบน Twitter ที่ “สามารถลดการมองเห็นบางส่วน, เพิ่มการมองเห็นบางส่วน” เช่น
- หากแบนทรัมป์ โดยเหตุผลว่าข้อความของทรัมป์ การผิดนโยบายให้บริการ ข้อความเหล่านั้นจะรวมถึงการนำเสนอของผู้สนับสนุนทรัมป์ด้วยหรือไม่
- การเพิ่มคำบางคำ (ที่ถูกใช้ในกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์) ลงใน Blacklists นั้นเหมาะสมหรือไม่
- บางคำที่เพิ่มใน Blacklists อาจจะกระทบต่อผู้ใช้อื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย
- ฯลฯ
มีข้อถกเถียงมากมายที่เกิดขึ้น รวมถึงความกังวลต่อกระแสที่อาจจะเกิดขึ้น จากการแบนทรัมป์ เช่นเดียวที่เกิดขึ้นกับ Facebook ที่มีการ “เพิ่ม” นโยบายบางอย่าง และนำมาบังคับใช้ในการแบนโดนัลด์ ทรัมป์
ท้ายที่สุดแล้ว การปิดบัญชีถาวรของทรัมป์ก็เกิดขึ้น
…
#TWITTER_Files_05 – กำจัด “โดนัลด์ ทรัมป์”
ในช่วงสุดท้ายก่อนการแบนโดนัลด์ ทรัมป์ ภายในบริษัทมีการถกเถียงถึงเรื่องดังกล่าวจำนวนไม่น้อย พนักงานของ Twitter ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการแบนบัญชีของทรัมป์ บางส่วนมองว่า ทำไมยังไม่ดำเนินการแบนทรัมป์เสียที โดยเฉพาะหลังจากการเกิดเหตุการบุกอาคารรัฐสภาของสหรัฐฯ และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าวถึง 4 รายด้วยกัน
ในขณะที่บางส่วนไม่เห็นด้วย โดยมีข้อความจากพนักงานรายหนึ่งระบุว่า “อาจจะเป็นเพราะว่า ฉันมาจากประเทศจีน, ฉันเข้าใจอย่างที่สุดว่า การเซ็นเซอร์มันสามารถทำลายการพูดคุยในพื้นที่สาธารณะ”
ซึ่งในปข้อความหลักที่ถูกหยิบยกมากล่าวถึงนั่นคือ การที่ทรัมป์ประกาศไม่เข้าร่วมพิธีสาบานตน ซึ่งทีมที่ดูแลเรื่องนโยบายการใช้งานของทวิตเตอร์ระบุว่า ข้อความนี้ ไม่ละเมิดกฎของชุมชนแต่อย่างใด เป็นเพียงการบอกว่า ไม่ไปร่วมเท่านั้น
ในขณะที่พนักงานของ Twitter หลายคนบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็น “รหัส” จากทรัมป์ ถึงผู้สนับสนุนของเขา
ซึ่ง Shellenberger หนึ่งในผู้เขียนประเด็น Twitter Files ได้ระบุว่า ที่ผ่านมา Twitter ได้อนุญาตให้มีการเผยแพร่ข้อความที่ “รุนแรง” กว่า เช่น
- ข้อความที่ปธน.ของอิหร่าน โจมตีว่า อิสราเอลเป็นมะเร็งร้ายในภูมิภาคและต้องกำจัด
- มหาเธร์ โมฮัมหมัด เคยทวีตมี “ชาวมุสลิมมีสิทธิในการกำจัดชาวฝรั่งเศส” จากกรณีภาพล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัด
- ฯลฯ
ซึ่งข้อความหลายข้อความนั้น Twitter ได้ดำเนิน “ลบ” แต่ไม่ได้มีการ “แบน หรือปิดบัญชี” เป็นการถาวรแต่อย่างใด
ความคุกรุ่นภายใน Twitter มีเพิ่มสูงขึ้น จนทำให้าผู้บริหาร Twitter จัดการประชุมพนักงานทั้งหมด แต่การประชุมที่เกิดขึ้นทำให้พนักงานบางส่วนไม่พอใจมากยิ่งขึ้น
ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ก็นำไปสู่การแบนบัญชีของทรัมป์อย่างถาวร และอีลอน มัสก์ เพิ่งให้มีการกลับมาเปิดบัญชีดังกล่าวอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้
…
…
#TWITTER_Files_06 – สาขาย่อยของ FBI
Matt Taibbi ค้นพบว่า Twitter และ FBI มีการติดต่อกันอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วง ม.ค. 2020 – พ.ย. 2022 ระหว่างเจ้าหน้าที่ของ FBI และ Yoel Roth อดีตหัวหน้าฝ่ายเรื่องความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของ Twitter
ซึ่ง Taibbi ระบุว่า มี “คำร้องขอ” ข้อมูลไปยัง Twitter โดยอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการสืบสวนที่เกิดขึ้น ในจำนวนที่สูงอย่างผิดปรกติ รวมถึงการให้ดำเนินการเกี่ยวข้อมูลผิด ๆ เกี่ยวกับการเลือกตั้ง แม้ว่าจะเป็นข้อความตลก ๆ จากบัญชีที่มีผู้ติดตามน้อย ๆ ก็ตาม
นอกจากนี้ยังมีคำร้องขอจาก กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) อีกด้วยเพื่อให้ Twitter ช่วยกลั่นกรองเนื้อหา ในบางคำร้องขอของ FBI ก็ส่งผลให้มีการระงับบัญชีที่ประหลาด ๆ เกิดขึ้น เช่น
การระงับบัญชีของ @fromma ซึ่งเป็นข้อความตลก ๆ โดยระบุเหตุผลว่า เป็นการให้ข้อมูลที่ผิดแก่ประชาชน นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการร้องขอให้มีการตรวจสอบบัญชีบางบัญชี และ Twitter ก็ดำเนินการ ซึ่งในการค้นพบของ Taibbi นั้นกล่าวถึง “คำร้องขอ” ต่าง ๆ จำนวนมากที่เกิดขึ้นโดยในช่วงหลัง รวมถึงข้อมูลอื่น ๆ อีกด้วย
โดยในภายหลังจากที่ Taibbi ได้ทวีตเรื่องราวนี้ ก็ได้มีการตอบสนองจาก FBI ระบุว่า ที่ผ่านมา FBI ได้มีความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อขอข้อมูลข้อมูลบุคคลอันตรายในต่างประเทศเท่านั้น
…
#TWITTER_Files_07 – ประเด็นคอมพิวเตอร์ของฮันเตอร์ ไบเดน
หนึ่งในประเด็นที่ถือว่า FBI มีความเคลื่อนไหว ร่วมกับ Twitter นั่นคือประเด็นเนื้อหาในคอมพิวเตอร์ของ ฮันเตอร์ ไบเดน เมื่อ 14 ต.ค. 2020 ซึ่งเรื่องราวเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2019 หลังบุตรชายของโจ ไบเดน ได้นำ MacBook Pro ที่เสียโดนน้ำเสียหาย ไปซ่อม และไม่ได้ไปรับ จนร้านซ่อมต้องพยายามติดต่อกลับ โดยในขณะนั้นทางร้านไม่รู้ว่า เป็นคอมพิวเตอร์ของ ฮันเตอร์ ไบเดน
ภายในคอมพิวเตอร์มีข้อมูลหลายอย่าง รวมไปถึงคลิปส่วนตัวของฮันเตอร์ ไบเดน และในภายหลังก็มีหมายศาลจากรัฐบาลกลาง ให้ FBI ยึดคอมพิวเตอร์ดังกล่าว แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็ยังไม่มีวี่แววที่ FBI ติดต่อกลับมา
ทางร้านจึงได้แจ้งไปยัง Rudy Giuliani และ ได้มีการส่งต่อไปยัง The New York Post และเตรียมเปิดประเด็นเกี่ยวข้องข้อมูลลับ ทั้งข้อความในอีเมล์ที่ฮันเตอร์ ไบเดน กับ Vadym Pozharskyi ตัวแทนของบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ในยูเครน, คลิปฉาวต่าง ๆ
Email from Vadim Pozharskyi… by New York Post
เจ้าหน้าที่พิเศษของ FBI ก็ได้ส่งอีเมล์ไปหา Yoel Roth หัวหน้าทีมของ Twitter เพื่อร้องขอให้ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว และภายหลังจาก The New York Post เปิดเผยเรื่องดังกล่าว บัญชี Twitter ของ The New York Post ก็ถูกเซ็นเซอร์ ซึ่งฮันเตอร์ ไบเดนอ้างว่า คอมพิวเตอร์ดังกล่าวถูกแฮคและเปิดเผยแพร่ข้อมูล โดยมีรัสเซียอยู่เบื้องหลัง
และ Twitter ก็ได้อ้างถึงการละเมิดกฎระเบียบชุมชนว่า เป็นการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกแฮค
ซึ่ง Shellenberger ยังได้เปิดเผยอีเมล์อีกหลายฉบับที่เป็นการติดต่อกันระหว่าง Twitter และ FBI รวมถึงการเปิดช่องทางการสื่อสาร, การฝึกรวมกันในปฏิบัติการ “Hack-and-dump” เมื่อ ก.ย. 2020 ซึ่งคาดว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับเคสของฮันเตอร์ ไบเดน
#TWITTER_Files_08 – ไฟเขียวปฏิบัติการ IO ในตะวันออกกลาง
Lee Fang เปิดประเด็นความร่วมมือของเพนตากอนและ TWITTER ในการขอไฟเขียว ใน Whitelists เพื่อเปิดปฏิบัติการข่าวสารในตะวันออกกลาง โดยระบุว่า ในช่วงปี 2017 กองบัญชาการภาคพื้นตะวันออกกลางของสหรัฐฯ หรือ CENTCOM ได้มีการขออนุญาตไปยัง Twitter เพื่อสร้างรายชื่อที่ได้รับอนุญาตในการที่จะเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร หรือความคิดเห็นบางอย่างในประเทศแถบตะวันออกกลาง ทั้งเยเมน ซีเรีย อิรัก คูเวต และอีกหลายประเทศ
“เพิ่มการมองเห็นของข้อความ”
(ข้อมูล – TW / Lee Fang)
โดยได้ร้องขอจำนวน 6 บัญชีแรก ก่อนที่จะขอเพิ่มอีกหนึ่งบัญชี สำหรับการได้รับเครื่องหมายถูกสีน้ำเงิน ที่แสดงถึงการได้รับการยืนยันตัวต้น และต่อมาบัญชีเหล่านั้น ก็ได้ทวีตข้อความเกี่ยวข้องการปฏิบัติการทางทหารในตะวันออกกลางของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นข้อความต่อต้านอิหร่าน, สนับสนุนสงครามในเยเมน, การโจมตีที่เกิดขึ้นต่อ “ผู้ก่อการร้ายเท่านั้น”
นอกจากนี้ ยังพบว่า มีการ “ไฟเขียว” ให้มีการสร้างประวัติบัญชีปลอม และข้อมูลที่เป็นอีเมล์ตอบโต้กันระหว่าง Twitter และ กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ อีกหลายฉบับ เกี่ยวกับบัญชีในปฏิบัติการเหล่านี้ ซึ่งจากข้อมูลที่ Fang ค้นพบในช่วงปี 2020 นี้ ในเครือข่ายบัญชีของ CENTCOM และเพนตากอน ราว 157 บัญชีที่เคลื่อนไหวทางการทหารในตะวันออกกลาง
ในขณะที่รายงานของ Stanford พบว่า มีบัญชีที่เชื่อมโยงกับ Twitter ที่เกี่ยวข้องกับ CENTCOM ในอีกหลายบัญชี ที่มีการสร้างบัญชีปลอมต่าง ๆ รวมถึงเครือข่ายในภาษาอื่น ๆ เช่น รัสเซีย จีน ซึ่ง Fang คาดว่า ยังมีบัญชีปลอมในเครือข่ายอีกจำนวนมาก เพราะเป็นความร่วมมือกันมาตั้งแต่ปี 2017 ถึงปลายปี 2020
…
เรื่องราวของ TWITTER Files กำลังสร้างแรงกระเพื่อมอย่างมากต่อความน่าเชื่อถือของ Twitter ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้หลายฝ่ายจะยังไม่ปักใจเชื่อในรายงานที่เกิดขึ้นนี้ บางส่วนระบุว่า เป็นข้อมูลเก่าแล้ว และเห็นการเรียบเรียงจากเรื่องเล็ก ๆ นำมาประติดประต่อกัน หรือเป็นการตีความที่อาจจะผิดเพี้ยนไป แต่จากรายงานที่เกิดขึ้น ก็ถือว่า เป็นเรื่องที่น่ากังวลอยู่ไม่น้อย หากโลกโซเซียลมีเดียอย่าง Twitter จะสามารถ “ลด-เพิ่มการมองเห็น” ข้อมูลต่าง ๆ ได้
บางส่วนมองว่า ข้อมูลทั้งหมดที่ได้มานั้น มีเพียงบางส่วนที่ได้รับการเปิดเผยออกมา แต่ก็จะเห็นได้ว่า การกลั่นกรองข้อมูลบนโลกออนไลน์นั้น มีความซับซ้อนและต้องเผชิญแรงกดดันจากหลาย ๆ แหล่งด้วยกัน
บางความเห็นมองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เกี่ยวเนื่องกับการมาของอีลอน มัสก์ และผ่านการ “กรอง” จากมัสก์มาบางส่วนแล้ว เพื่อให้เปิดเผยออกมา ทำให้บางส่วนกำลังเรียกร้องให้รัฐสภามีการสอบสวน และเปิดเผยข้อมูลทั้ งหมดเพิ่มขึ้นอีก
ซึ่งในขณะนี้ ทาง FBI ได้ระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงทฤษฎีสมคบคิดเท่านั้น
ข้อมูล
- https://theintercept.com/2022/12/20/twitter-dod-us-military-accounts/
- https://public-assets.graphika.com/reports/graphika_stanford_internet_observatory_report_unheard_voice.pdf
- [Twitter files – 01] – https://twitter.com/mtaibbi/status/1598822959866683394
- [Twitter files – 02] – https://twitter.com/bariweiss/status/1601007575633305600
- [Twitter files – 03] – https://twitter.com/mtaibbi/status/1601352083617505281
- [Twitter files – 04] – https://twitter.com/ShellenbergerMD/status/1601720455005511680
- [Twitter files – 05] – https://twitter.com/bariweiss/status/1602364197194432515
- [Twitter files – 06] – https://twitter.com/mtaibbi/status/1603857534737072128 , https://twitter.com/mtaibbi/status/1604613292491538432
- [Twitter files – 07] – https://twitter.com/ShellenbergerMD/status/1604871630613753856
- [Twitter files – 08] – https://twitter.com/lhfang/status/1605292454261182464
