นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งที่ 12/2568 เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ หลังจากเคยได้รับความเห็นชอบหลักการจาก ครม. ไปเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 โดยได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมใน 12 ประเด็นสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและบริบททางสังคม
สาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ ได้แก่
- เปลี่ยนผู้รักษาการตามกฎหมายเป็นนายกรัฐมนตรีร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
- เพิ่มบทบาทคณะกรรมการนโยบาย ในการเสนอแนะพื้นที่และแนวทางการดำเนินกิจการต่อ ครม.
- ปรับกลไกการแต่งตั้งผู้อำนวยการโดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบของ ครม.
- กำหนดนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรให้ครอบคลุมเรื่องจำนวนใบอนุญาต พื้นที่ตั้ง การร่วมลงทุน มาตรการเยียวยา และการรับฟังความคิดเห็นประชาชน
- จำกัดพื้นที่คาสิโนไม่เกิน 10% ของพื้นที่ใช้สอย
- ผู้ได้รับใบอนุญาตจะถือว่ามีใบอนุญาตด้านก่อสร้างและประกอบกิจการโดยอัตโนมัติ รวมถึงถือเป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายฟอกเงิน
- บังคับให้มีมาตรการควบคุมคาสิโน ป้องกันฟอกเงิน และลดผลกระทบทางสังคม
- ผู้เล่นคนไทยต้องมีเงินฝากประจำอย่างน้อย 50 ล้านบาทต่อเนื่อง 6 เดือน
- ห้ามจ้างหรือให้ผลตอบแทนเพื่อเพิ่มยอดผู้เล่นหรือจำนวนเงิน
- เพิ่มโทษทางปกครองและอาญาแก่ผู้ฝ่าฝืน รวมถึงการเล่นพนันผ่านออนไลน์และการโปรโมตคาสิโน
ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนรวม 4 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 14 มีนาคม 2568 มีผู้เข้าร่วมแสดงความเห็น 71,289 คน โดยร้อยละ 80 หรือประมาณ 57,000 คนเห็นด้วยกับร่างกฎหมายนี้
นายจิรายุ ย้ำว่า รัฐบาลมุ่งส่งเสริมเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุน และการท่องเที่ยว ไม่ได้เน้นที่คาสิโนเป็นหลัก และจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยที่ประชุม ครม. มีมติให้เสนอร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระรับหลักการ พร้อมจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาในรายละเอียดต่อไป