จังหวัดพิจิตรในวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 รายงานว่า ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงนี้ โดยมีอุณหภูมิสูงถึง 40-44 องศาเซลเซียส ทำให้ประชาชนหันมาหาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติเพื่อคลายร้อนกันมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ บึงสีไฟ ซึ่งเป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ และเป็นที่ตั้งของ “พญาชาละวัน” รูปปั้นขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
บึงสีไฟได้รับการพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่มรื่นและเย็นสบาย ด้วยการปรับปรุงภูมิทัศน์ เพิ่มจุดนั่งพักผ่อน ศาลาริมน้ำ และสวนพันธุ์ไม้ที่สวยงาม นอกจากนี้ ยังมีทางเดินชมธรรมชาติ สะพานทอดยาวออกไปในบึง ให้นักท่องเที่ยวได้ชมพันธุ์ปลาและนกนานาชนิด ที่สำคัญคือ อากาศบริเวณบึงที่เย็นสบายตลอดทั้งวันจากลมธรรมชาติที่พัดจากผืนน้ำขึ้นมา ช่วยให้อุณหภูมิไม่ร้อนจัดจนเกินไป
นายโกมุท ปัญจมาภิรมย์ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองพิจิตร กล่าวว่า เทศบาลเมืองพิจิตรที่ดูแลรับผิดชอบบึงสีไฟ ได้พัฒนาระบบน้ำพุลอยน้ำโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งทั่วบึง นอกจากเพิ่มความสวยงามแล้ว ยังช่วยเพิ่มออกซิเจน ปรับคุณภาพน้ำ ลดอุณหภูมิ และเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ รวมถึงมีระบบพ่นน้ำในบริเวณสวนรอบๆ เพื่อสร้างความเย็นสบายแก่ผู้มาเยือน
นอกจากนี้ ภายใต้ท้องพญาชาละวันยังเป็นที่ตั้งของห้องสมุดขนาดใหญ่ ติดแอร์เย็นฉ่ำ และมีต้นไม้ทรงปลูกโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ในโอกาสที่ทั้งสองพระองค์เสด็จฯ ทรงเปิดโครงการพัฒนาบึงสีไฟเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2567
บึงสีไฟจึงกลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวหมู่คณะ ครอบครัว และกลุ่มคู่รัก ที่อยากหลบร้อนและมาสัมผัสธรรมชาติ ผ่อนคลายสบายๆ ท่ามกลางบรรยากาศสุดสดชื่น