ภาพถ่าย หมู 3 ชั้น ตัดแต่งลักษณะแผ่นใหญ่ วางขายในร้านดัง (ไม่ใช่ห้างแมคโคร) เป็นเบาะแสสำคัญที่กลุ่มผู้เลี้ยงสุกรตั้งข้อสังเกตว่าจะเป็นหมูเถื่อนที่ลักลอบนำเข้า เนื่องจากลักษณะการตัดแต่งหมู 3 ชั้นเป็นแผ่นใหญ่ตรงกับหมูที่ลักลอบนำเข้าจากประเทศบราซิล แตกต่างจากบ้านเราที่การตัดแต่งหมู 3 ชั้นนิยมหั่นแบ่งเป็นชิ้นมากกว่า เนื้อหมูดังกล่าวยังมีสัญลักษณ์ปศุสัตว์ OK หลักฐานดังกล่าวเป็นข้อมูลตั้งแต่ปี 2565 โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอ ได้รับเป็นคดีพิเศษเลขที่ 59/2566 ซึ่งการสอบสวนพบว่ามีร้านจำหน่ายที่เข้าข่ายต้องตรวจสอบจำนวน 6 แห่ง อยู่ในกรุงเทพมหานคร 5 แห่ง และจังหวัดราชบุรี 1 แห่ง ซึ่งห้างแมคโครเป็นหนึ่งในนี้ที่ดีเอสไอได้เข้าดำเนินการตรวจสอบไปเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
สำหรับการตรวจสอบหมูต้องสงสัยที่จำหน่ายในร้านดัง 6 แห่ง ใช้วิธีตรวจสอบย้อนกลับ คือตรวจสอบ จุดจำหน่าย ย้อนกลับไปยังผู้ประกอบการค้าส่ง เมื่อได้ชื่อผู้ค้าส่งแล้ว ต้องตรวจสอบกระบวนการออกใบเคลื่อนย้ายซากสัตว์(โดยเฉพาะชิ้นส่วนสามชั้น) สู่ห้างค้าส่งค้าปลีกและร้านเนื้อสุกร ที่ต้องมีใบเคลื่อนย้ายตามข้อกำหนดของกรมปศุสัตว์ และตรา “ปศุสัตว์ OK” ต้องตรวจสอบว่ามีใบเคลื่อนย้ายซากสัตว์(สุกรผ่าซีก) เข้าโรงงานตัดแต่งหรือไม่ ถ้าไม่มี ตั้งข้อสงสัยได้ว่า มีการนำเนื้อสุกรลักลอบ มาแกะกล่อง ละลายน้ำแข็ง แล้วขอออกใบเคลื่อนย้ายซากที่มิชอบออกจากโรงงานตัดแต่งไปแสดงกับห้าง ในกระบวนการนี้ต้องตรวจสอบเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ ถึงการออกใบเคลื่อนย้ายหมูมีชีวิตเข้าเชือด นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปยังฟาร์มเลี้ยง ว่ามีการส่งหมูไปจริงหรือไม่ กรณีฟาร์มรับว่ามีการส่งสุกรจากฟาร์มไปจริง สามารถตรวจสอบว่ามีการเข้าขุนจริงหรือไม่ ตรวจสอบได้จากจำนวนหมูที่เลี้ยงเปรียบเทียบกับเนื้อหมูที่ส่งออก และการสั่งอาหารสัตว์ว่าสมดุลกันหรือไม่
สำหรับการตรวจค้น บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)เมื่อวันที่ 27 พ.ย.66 ที่ผ่านมา พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษฐธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน เข้าพบนางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)
ทางนางศิริพร เดชสิงห์ ยอมรับว่า “แม็คโครเคยสั่งซื้อชิ้นส่วนสุกรแช่แข็งจากบริษัทผู้ค้าที่ถูกดีเอสไอดำเนินคดีจริง เป็นการสั่งซื้อเนื้อหมูและเครื่องในหมู ซึ่งผู้ค้าที่เป็นข่าวตอนนำเข้ามาเป็นการรับซื้อถูกต้องตามกฎหมาย เพราะตรวจสอบทุกลอตมีเอกสารครบถ้วน เป็นเอกสารจากกรมปศุสัตว์ ทั้งเอกสารใบเคลื่อนย้ายและเอกสารใบนำเข้าทั้งหมด โดยจะเตรียมเอกสารนำเข้าทั้งหมดที่รับซื้อทุกลอตให้ดีเอสไอ
นอกจากนี้ยังระบุถึงสาเหตุที่เลิกสั่งซื้อเนื้อหมูแช่แข็งจากบริษัทดังกล่าว ตั้งแต่กลางปี 2565 เนื่องจากไม่ได้คุณภาพ ยกตัวอย่างเช่น มีสารเร่งเนื้อแดงเกินกว่าปริมาณ อาจมีเรื่องสี คุณลักษณะภายนอก ส่วนเครื่องในหมูหยุดซื้อช่วงต้นปี 2566 เพราะ พบว่าเครื่องในหมูบางส่วนไม่ได้มาตรฐาน พร้อมยืนยันว่าที่รับซื้อเพราะบริษัทดังกล่าวมีหลักฐานมาแสดงถูกต้อง มีพยานหลักฐานจากกรมปศุสัตว์ชัดเจน มีใบเคลื่อนย้ายชัดเจนว่ามาจากในประเทศ
แนวทางการสอบสวนดีเอสไอ พบว่าบริษัทนำเข้าหมูเถื่อน มีการสำแดงเท็จเป็นปลาแช่แข็ง และเม็ดพลาสติก แต่เมื่อตรวจสอบย้อนกลับต้นทางที่ประเทศบราซิล ใบขนสินค้าระบุชัดเจนว่าเป็นเนื้อหมู แต่เมื่อลงเรือมาแล้วมีขบวนการปลอมแปลงเอกสารสำแดงเท็จเป็นปลาแช่แข็ง และเม็ดพลาสติก ซึ่งคดีหมูเถื่อนในภาพรวมหลังตรวจยึดหมูเถื่อน 161 ตู้ จากที่ท่าเรือแหลมฉบังของ 11 สายเรือ ผ่านมา 5 เดือน ดีเอสไอจับกุมผู้ต้องหากลุ่มชิปปิ้งแล้ว 10 ราย / กลุ่มนายทุน 2 ราย ส่งสำนวนฟ้อง ป.ป.ช. แล้ว และมีการขยายผลสอบเพิ่มเติมพบผู้เกี่ยวข้องที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 10 ราย
นอกจากนี้ดีเอสไอได้ขยายผลย้อนไปจนถึงมกราคม 2564-กรกฎาคม 2566 พบหลักฐานว่าหมูเถื่อนมีการลักลอบนำเข้าโดย 18 สายเรือ (บริษัท) รวมทั้งสิ้น 2,385 ตู้ ปริมาณหมูเถื่อน 76,000 ตัน ในจำนวนนี้ 1,685 ตู้ น้ำหนัก 42,000 ตัน ถูกกระจายไปทั่วประเทศแล้ว
ล่าสุดเช้าวันที่ 29 พ.ย.66 พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่ากับmono29ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีการประชุมคดีพิเศษ รับคดีใหม่เกี่ยวกับขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน โดยเป็นการลักลอบนำเข้ามาเมื่อปี 2564-2565 รวมจำนวนกว่า 1,300 ตู้ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งกรณีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับจำนวน 161 ตู้และไม่เคยถูกดำเนินคดีมาก่อน อยู่ระหว่างขยายผล
ส่วนการตรวจสอบหมูขึ้นห้างดังที่มีข้อร้องเรียน 6 แห่งหลังการตรวจค้นที่แมคโครแล้ว ขณะนี้จะยังไม่มีการตรวจค้นเพิ่มเพราะต้องมาทำคดี1,300 ตู้ก่อน ซึ่งข้อเท็จจริงการตรวจสอบหมูขึ้นห้าง ซึ่งเป็นปลายทางก็มักจะอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็น เนื่องจากผู้ค้าส่งมีเอกสารมาแสดงได้ถูกต้องงานนี้ต้องรอดูว่า ดีไอเอส จะดำเนินคดีกับหมูขึ้นห้างได้หรือไม่