นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์ในตะวันออกกลางช่วงบ่ายวันนี้ ว่า ที่กระทรวงการต่างประเทศ มีการประชุมศูนย์ประสานงานฉุกเฉิน หรือ Rapid Response Center (RRC) เพื่อหารือถึงการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล และสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล
นางกาญจนา กล่าวว่า ภาพรวมตอนนี้ได้รับรายงานยอดคนไทยที่เสียชีวิตที่ 20 คน บาดเจ็บ 13 คน มีคนไทยถูกจับเป็นตัวประกัน 14 คน ทั้งนี้มีคนไทยแสดงความประสงค์กลับไทยเพิ่มเติมเป็น 5,174 คน และ แสดงความประสงค์ไม่กลับ 64 คน
สำหรับการอพยพแรงงานไทย 15 คน รอบแรกที่จะออกเดินทางจากอิสราเอลคืนนี้เวลา 21.45 น. โดยสายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์ เที่ยวบิน LY 083 และมาถึงประเทศไทยพรุ่งนี้เวลา 10:35 น.
ส่วนรอบต่อไปคือ 15 ตุลาคม โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ จะเดินทางไปรับและมาถึงไทยวันที่ 16 ตุลาคม เวลา 04.00 น. โดยเที่ยวบินนี้สามารถรับได้จำนวนสูงสุด 140 คน แต่จะมีผู้กลับมากี่คนนั้น ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปรับว่าจะมีกี่คนและสามารถรับแรงงานได้มาทั้งหมดกี่คน
ส่วนรอบต่อมาคือวันที่ 18 ตุลาคม จะเดินทางกลับด้วยสายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์ เที่ยวบิน LY 083 เช่นเดียวกัน โดยมีแรงงานไทย 80 คน จะเดินทางมาถึงไทยวันที่ 19 ตุลาคม เวลา 11.00 น.
ส่วนวันที่ 24 ตุลาคม มีการเตรียมเที่ยวบินของกองทัพอากาศ แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างที่รอขออนุญาติทำการบินผ่านน่านฟ้าของประเทศต่างๆ โดยในระหว่างการขออนุญาจจะทยอยอพยพกลุ่มแรงงานเป็นระยะ โดยจะพิจารณาใช้เครื่องบินพาณิชย์ เพื่ออพยพคนไทยให้มากที่สุด
ด้านนายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน บอกว่า พรุ่งนี้กระทรวงแรงงานจะเข้าไปดูแลเรื่องกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ โดยทั้ง 15 คนเป็นสมาชิกของกองทุนทั้งหมด และมีภูมิลำเนา ในพื้นที่ต่างจังหวัดประกอบด้วย จ.ตาก 1 คน //จ.สุรินทร์ 1 คน// หนองบัวลำภู 4 คน// จ.น่าน 1 คน //จ.พะเยา 1 คน จ. นครราชสีมา 1 คน// จ.เชียงราย 1 คน//จ.ยโสธร 1 คน// จ.หนองคาย 1 คน// จ.อุดรธานี 1 คน// จ.สกลนคร 1 คน//จ.อุบลราชธานี 1 คน
ทั้งนี้เมื่อเดินทางมาถึงสิทธิประโยชน์ที่แรงงานจะได้รับก้อนแรก คือเงินเยียวยาการเดินทางกลับประเทศเนื่องจากภาวะสงคราม รายละ 15,000 บาท จะไปจ่ายที่สถาบันบำราศนราดูร ส่วนกรณีแรงงานที่ได้รับบาดเจ็บหรือพิการจะต้องยื่นคำร้องประกอบใบรับรองแพทย์ เพื่อให้ทางกระทรวงแรงงานพิจารณาว่าจะได้รับเงินเพิ่มอีก 15,000 บาทหรือไม่
ส่วนกรณีแรงงานที่อพยพมาจากพื้นที่เสี่ยงและยังไม่ได้รับค่าจ้างนั้น นายสมาสภ์ กล่าวว่า จะให้ทูตแรงงานในอิสราเอลเป็นผู้ดำเนินการ ยืนยันว่า กระทรวงแรงงานจะไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ ขอให้แรงงานไทยสบายใจว่าหากไปทำงานแล้วต้องได้ค่าจ้างอย่างแน่นอน โดยตนเองยืนยันว่าจะช่วยเหลือคนไทยทุกคนให้กลับบ้าน ทั้งแรงงานที่เข้าไปโดยถูกกฎหมายและแรงงานบางส่วนที่ผิดกฎหมายด้วย
ทั้งนี้จากการติดต่อญาติของแรงงาน มีญาติของแรงงานบางส่วนติดต่อเข้ามาว่ามีความประสงค์จะเดินทางมาที่สนามบิน กระทรวงแรงงานจะอำนวยความสะดวกจัดรถมาส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากนั้นก็จะรับตัวแรงงานกลับไปส่งที่ภูมิลำเนาต่อไป
ขณะที่นายนฤชัย นินนาท รองอธิบดีกรมการกงสุล ได้กล่าวถึงการอพยพคนไทยในวันพรุ่งนี้ บอกว่า หลังจากที่แรงงานกลุ่มแรกทั้ง 15 คนเดินทางมาถึง ผู้แทนรัฐบาลและกระทรวงต่างๆ จะไปรอรับเพื่อให้กำลังใจ จะไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรมาก หลังจากทั้ง 15 คนออกจากเครื่อง จะมีการต้อนรับจากผู้แทนส่วนราชการ และจะมีการตรวจผ่านขั้นตอนของ ตม. ตามปกติ ต่อมาให้แรงงานรับสัมภาระและเดินทางออกจากสนามบิน หลังจากนั้นส่งตัวขึ้นรถบัสของกระทรวงคมนาคม เพื่อเดินทางไปที่สถาบันบำราศนราดูร เพื่อให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตรวจสุขภาพว่าปกติหรือไม่ หลังจากนั้นจะมีกระทรวงแรงงานเข้าไปดูแลเรื่องเงินชดเชย รวมถึงกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งอาจจะมีญาติของแรงงานไปรอรับบริเวณนั้น หลังจากนั้นก็จะให้เดินทางกลับภูมิลำเนา
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการจัดพื้นที่สำหรับสื่อมวลชนไปทำข่าวได้ที่บริเวณโถงอาคารผู้โดยสารขาเข้า ซึ่งสื่อมวลชนสามารถสัมภาษณ์และพูดคุยกับคนไทยทั้ง 15 คนได้ แต่ใช้ระยะเวลาได้ไม่นานนัก