คัดลอก URL แล้ว
แนะหยุดวิพากษ์ครอบครัวผู้ก่อเหตุลดความเกลียดชัง

แนะหยุดวิพากษ์ครอบครัวผู้ก่อเหตุลดความเกลียดชัง


ขณะนี้ ในโลกออนไลน์ กำลังพูดถึงการก่อเหตุยิงในห้าง กว้างขวางและพาดพิงถึงพ่อแม่ ทำให้แพทย์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตออกมาเตือน และแนะนำให้หยุดวิพากษ์วิจารณ์เพราะไร้ประโยชน์และอาจเกิดพฤติกรรมเลียบแบบ

เหตุความรุนแรงที่ห้างพารากอนว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 นับจากเหตุกราดยิงที่ นครราชสีมา และ ยิงที่ศูนย์เด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู

นพ.ยงยุทธ วงค์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น แทบทุกปี แม้จะต่างกรรมต่างวาระ แต่ก็เป็นสัญญาณว่าจะต้องแก้ไขเชิงระบบเพื่อป้องกัน มากกว่า มาดราม่าไปกับแต่ละเหตุการณ์ โดยเรื่องปัญหาอาวุธปืน ควรเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน เพื่อป้องกันการก่อเหตุซ้ำเหมือนสหรัฐอเมริกา ที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการครอบครองอาวุธปืนได้

นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า โดยนิยามของการเลียนแบบ จะต้องเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายใน 1 เดือน ทั้งนี้เห็นว่า การนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนมีผลกับการเลียนแบบ และการจดจำ ทำให้เกิดคนที่มีพฤติกรรม หรือ มีความสุ่มเสี่ยงในจิตใจ อาจก่อเหตุในลักษณะนี้ได้ โดยเห็นว่า ไม่ควร ขุดคุ้ย ประวัติครอบครัวและอาจ เพิ่มความเกลียดชังเพราะทุกคนล้วนแต่เป็นเหยื่อในระบบของสังคมนี้ และจะยิ่งเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

นายแพทย์ยงยุทธเสนอว่า ควร สะสาง- พ.ร.บ.อาวุธปืนและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยมี รัฐบาลและรัฐสภาเป็นกลไกสำคัญ ไม่ใช่เน้น การตรวจนับถือครองที่พบว่ามีถึง 12 ล้านกระบอก
เนื่องจาก พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มีมานาน ยังไม่ได้รับการปรับปรุง

บริการสุขภาพจิตที่ครอบคลุมทั้งประเทศ จะต้องได้รับการพัฒนาให้ตอบสนองปัญหาสุขภาพจิตที่มากขึ้น ควรต้องมีงบประมาณและแผนงานสนับสนุนให้เกิดบริการและกำลังคนอย่างจริงจัง – หน่วยงานที่มีผู้ถืออาวุธ ก็ต้องจัดการเชิงระบบในการดูแลบุคคลากร ไม่ใช่แค่เข้มงวดการอนุมัติการครอบครองอาวุธปืนใหม่ ซึ่งแก้ไขอะไรได้ไม่มาก


ข่าวที่เกี่ยวข้อง